นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/63 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะในเดือน เม.ย.63 หยุดทำการบินตลอดทั้งเดือน แต่ในเดือน พ.ค.63 เริ่มกลับมาบินได้บ้าง และเดือน มิ.ย.63 ทำการบินได้มากขึ้น แต่ยังไม่เท่ากับระดับปกติ
ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.63 อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารอยู่ในระดับ 80% ของจำนวนที่นั่ง 120 ที่นั่ง/ลำที่สามารถให้บริการได้ในแต่ละลำ จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 160 ที่นั่ง โดยใช้เครื่องบินทั้งหมด 7 ลำ ส่วนในเดือน มิ.ย.63 กลับขายที่นั่งได้เต็มลำแล้ว และนำเครื่องบินมาให้บริการเพิ่มเป็น 15 ลำ
ในเดือน มิ.ย.ไทยแอร์เอเชียเพิ่มปริมาณที่นั่งเป็น 35% ของ capacity ทั้งหมด จากเดือน พ.ค.ที่.ใช้ capacity อยู่ที่ 15% หลังจากที่เริ่มกลับมาทำการบินเส้นทางในประเทศ โดยในเดือนนี้ได้เพิ่มเส้นทางไปภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.63 จำนวน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเตรียมเปิดเส้นทางเพิ่มในเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น ระนอง และ ชุมพร เป็นต้น
ขณะที่การเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ขณะนี้ยังต้องรอกฎเกณฑ์ภาครัฐ และคาดว่าคงจะทยอยเปิดให้บินบางเส้นทางก่อน เหมือนกับการบินเส้นทางในประเทศ
นายสันติสุข กล่าวว่า ผลประกอบการในครึ่งปีหลังขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศได้มากน้อยอย่างไร โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ต้องมีมาตรฐานด้านสาธารณสุขเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี หลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ต่างประเทศยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง สวนการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในรูปแบบ Travel Bubble ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งจะประชุมในวันพรุ่งนี้ แต่ก็คงมีเงื่อนไขมากกว่าทั่วไป
ส่วนที่การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสอง เห็นว่าแต่ละประเทศมีการจัดการได้ดี รับมือได้ดีกว่ารอบแรก และไม่น่ากลัว เพราะมีประสบการณ์แล้ว
สำหรับการยื่นขอความช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ให้กับผู้ประกอบธุรกิจสายการบินนั้น นายสันติสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นการตอบรับจากรัฐบาล ซึ่งสายการบินก็ยังรอความช่วยเหลืออยู่ โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียได้ยื่นขอวงเงินราว 4.5 พันล้านบาท