นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บมจ.ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมความพร้อมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือทั่วโลกจำนวน 535 แห่ง ที่จะกลับมาปฎิบัติการในรูปแบบ New Normal อีกครั้ง ด้วยการยกระดับมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยห่างไกลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ภาคการท่องเที่ยวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณบวกที่จะกลับมารองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง นอกจากนี้ภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ได้ออกมาตรการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นแรงส่งเสริมให้ธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะมีความแข็งแกร่งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ โรงแรมในเครือของบริษัทได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ดังนี้ โรงแรมในประเทศไทย จำนวน 28 แห่ง จำนวน 5,009 ห้อง สัดส่วนรายได้ 14% เริ่มทยอยเปิดกลับมาเปิดให้บริการ โดยเริ่มจากโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ในปลายเดือนพฤษภาคม โรงแรมในหัวหินในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนโรงแรมบางแห่งในจังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย พัทยาและขอนแก่นมีกำหนดกลับมาเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2563
โรงแรมในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 29 แห่ง จำนวน 2,988 ห้อง ไม่นับรวมโรงแรมในประเทศไทย สัดส่วนรายได้ 4% โดยโรงแรมในประเทศจีนและในประเทศเวียดนามประสบความสำเร็จในการกลับมาเปิดให้บริการแล้ว ตามการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียที่ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเครือของไมเนอร์ที่ตั้งในภูมิภาคนี้ เพราะกลุ่มลูกค้าของโรงแรมมากกว่า 60% อยู่ในภูมิภาคเอเชีย
โรงแรมในเครือ NH Hotel Group จำนวน 343 แห่ง จำนวน 51,151 ห้อง สัดส่วนรายได้ 67% จะกลับมาให้บริการอย่างเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการโรงแรมประมาณ 60% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากหลายประเทศในภูมิภาคยุโรปเริ่มมีมาตรการคลายล็อคดาวน์ หรือแม้แต่ออกประกาศการสิ้นสุดของการแพร่ระบาด
นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า ภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ได้ออกมาตรการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก อาทิ รัฐบาลเวียดนามออกแคมเปญพิเศษเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนในประเทศ เช่น การลดราคาโรงแรม-ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน รัฐบาลไต้หวันได้วางแผนช่วยสมทบทุนธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวที่รวมไปถึงส่วนลดค่าสาธรณูปโภค รวมถึงการให้เงินสงเคราะห์แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ ส่วนประเทศนอร์เวย์ออกมาตรการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใช้กับการขนส่งผู้โดยสารที่พัก กิจกรรมทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เสนอแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ซึ่งในแผนนี้ประกอบด้วยมาตรการ อาทิ "เที่ยวปันสุข" โดยจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนซื้อบัตรกำนัลดิจิทัลสำหรับนำไปใช้เป็นค่าห้องพัก "เราไปเที่ยวกัน" ที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่พักและกิจกรรมของโรงแรม รวมถึงมาตรการ "กำลังใจ" เพื่อเป็นการตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือเชื้อไวรัสโควิด-19 ราว 1.2 ล้านคน โดยจะสนับสนุนงบประมาณศึกษาดูงานผ่านบริษัทนำเที่ยวในประเทศ
ล่าสุดมีมติยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ตลอดจนนโยบายอื่น ๆ ที่จะมีในอนาคตอีกจำนวนมาก ซึ่งบริษัทมีแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างเหมาะสมต่อไป
"ไมเนอร์เชื่อมั่นว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกจะเป็นในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยภาคธุรกิจต่าง ๆ จะค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัว ซึ่งเมื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้นักท่องเที่ยวจะออกเดินทางมากขึ้นและเพื่อความปลอดภัยในด้านสุขอนามัยของลูกค้าอันเป็นหัวใจสำคัญ ธุรกิจโรงแรมในเครือทั้งหมด 530 โรงแรมทั่วโลกจะปฏิบัติตามคำสั่งและแนวทางจากรัฐบาลแต่ละประเทศและองค์การอนามัยโลก"นายชัยพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ไมเนอร์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสุขภาพและความปลอดภัย ที่ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อกำกับดูแลการพัฒนามาตรการด้านสุขอนามัยให้ลูกค้าตามมาตรฐานอันเข้มงวด ตลอดจนให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่าง ๆ ของแขกผู้เข้าพัก ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง ฯลฯ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ประสบการณ์พักผ่อนที่ดีควบคู่กับความปลอดภัยด้านสุขภาพ