นายโกเวท ลิ้มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปีนี้อาจพลิกมาเป็นขาดทุน จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.21 ล้านบาท หลังไตรมาส 1/63 มีผลขาดทุนสุทธิแล้ว 1.04 ล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังมีผลต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/63
ทั้งนี้ บริษัทยังต้องติดตามสถานการณ์ในไตรมาส 3 และ 4 นี้ ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญว่าจะทำให้ยอดขายของ TKT พลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้หรือไม่ เพราะหากมีการระบาดรอบ 2 อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย
ด้านนายจุมพล เตชะไกรศรี กรรมการบริหาร TKT กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะปรับตัวลดลงประมาณ 25% เป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังถือว่าปรับลดลงน้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ 1.3 ล้านคัน ลดลง 33% จากปีก่อนที่มียอดผลิต 2 ล้านคัน
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 น่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด โดยคาดว่าจะกระทบกับยอดขายให้ลดลงราว 35-45% แต่บริษัทก็ยังมียอดขายงานแม่พิมพ์ และชิ้นส่วนพลาสติกเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 8-10% เข้ามาช่วยพยุงยอดขายรวมในไตรมาส 2/63 ได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีถือเป็นช่วงโลซีซั่นของอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่แล้ว เนื่องจากจะมีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งโดยปกติในไตรมาส 2 ยอดขายจะลดลงจากไตรมาส 1 ราว 20%
ส่วนในครึ่งปีหลังนี้ นายจุมพล กล่าวว่า น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากลูกค้า จึงคาดว่าในไตรมาส 3/63 ยอดขายน่าจะกลับมาเติบโตได้ถึง 70-80% จากไตรมาส 2/63 และในไตรมาส 4/63 จะกลับมาเติบโต 80-90% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คาดว่ายอดขายน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในปี 64 เป็นต้นไป
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 450-500 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่องนับจากนี้
"ปีนี้เราคาดรายได้จะลดลง 25% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ในธุรกิจงานแม่พิมพ์ เรายังเติบโตได้ แม้จะเจอภาวะโควิด-19 และเรายังมี New order มี New Model" นายจุมพล กล่าว