KUN คาดยอดขาย H2/63 เร่งตัวขึ้นหลังคลายล็อก หนุนทั้งปีตามเป้า 1.3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 18, 2020 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วิลล่า คุณาลัย (KUN) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโอกาสเติบโตจากครึ่งปีแรก หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ ค่อนข้างมากแล้ว ทำให้กิจกรรมการค้าขายต่าง ๆ เริ่มกลับมา ส่งผลบวกต่อโครงการที่อยู่อาศัยที่ลูกค้าเริ่มสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ และทำให้การขายในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ ในช่วงโควิด-19 ระบาด

ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปี 63 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.3 พันล้านบาท หลังจากที่ยอดขายในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค. 63) ทำได้แล้ว 560 ล้านบาท โดยในช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมายังเห็นลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ และจองโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนพ.ค. ทำให้บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในครึ่งปีหลังมีโอกาสเร่งตัวขึ้น

นอกจากนี้การกลับมาคึกคักของตลาดแนวราบในช่วงการระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยบวกให้กับบริษัท เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ลูกค้าให้ความสนใจ ประกอบกับการที่เปิดโครงการทาน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝดใหม่ 2 โครงการในช่วงไตรมาส 2/63 มูลค่ารวม 2.3 พันล้านบาท ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี จากการที่บริษัทเน้นการออกแบบฟังก์ชั่นที่เน้นการใช้พื้นที่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงหลังโควิด-19 และบริษัทยังชะลอการปรับขึ้นราคา เพื่อให้สินค้าของบริษัทยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยแนวราบจับต้องได้มากขึ้น และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้

ขณะที่แนวโน้มการโอนในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาต่อเนื่อง โดย Backlog ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 308 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และมีบางส่วนเล็กน้อยที่จะทยอยโอนในต้นปี 64 ทำให้บริษัทยังมั่นใจรายได้ในปี 63 จะทำได้เติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 652.67 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามสิ่งที่บริษัทระมัดระวังในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คือ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะสถาบันการเงินอาจจะต้องมีความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี เพื่อป้องกันแนวโน้มหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทไปจะถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มได้ โดยที่บริษัทจะพยายามช่วยเหลือและให้คำแนะนำลูกค้าในการเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อ เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ และทำให้ไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัทอีกด้วย โดยที่บริษัทมองว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยกับบริษัทในปีนี้ยังมีโอกาสทรงตัวจากปีก่อนที่ 30% หรือหากกรณีที่แย่ที่สุดมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปแตะ 50%

นอกจากนี้บริษัทยังพยายามเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้เป็น 10% จากปีก่อนที่ 8.63% จากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จะเข้ามาช่วยผลักดันการปรับตัวขึ้นของอัตรากำไรสุทธิ อย่างไรก็ตามบริษัทยังรอจังหวะของตลาดที่เหมาะสมก่อนเดินหน้าลงทุนซื้อที่ดินหรือพัฒนาโครงการใหม่ โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความไม่แน่นอนว่าบริษัทจะซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่ในทิศที่ 3 หรือไม่ เนื่องจากภาวะของเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้บริษัทไม่เร่งรีบลงทุน และหันกลับมาควบคุมค่าใช้จ่ายและรักษากระแสเงินสดไว้ ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในการเดินหน้าต่อในจังหวะที่ดีต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ