โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) มองผลงานครึ่งหลังปีนี้โดดเด่น และเริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังชะลอตัวในไตรมาส 2/63 รับผลบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มเดินหน้า หนุนลูกหนี้กลับมาชำระเงินและจัดเก็บหนี้ได้มากขึ้นในครึ่งปีหลัง
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลหนี้เสีย (NPLs) ของสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกให้ JMT มีโอกาสเข้าซื้อหนี้เข้าพอร์ตมาบริหารได้มากขึ้น โดยคาดว่ามีโอกาสซื้อหนี้เข้ามาได้อีกใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 5 พันล้านบาท ช่วยให้พอร์ตเติบโตขึ้น หนุนรายได้และกำไรของ JMT ในระยะต่อไป
ช่วงบ่ายหุ้น JMT อยู่ที่ 20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.04% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.42%
เอเซีย พลัส ซื้อ 24.10 กสิกรไทย ซื้อ 24.10 ทรีนีตี้ ซื้อ 23.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 21.60 นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น JMT ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท/หุ้น จากมุมมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/63 หลังจากผ่านไตรมาส 2/63 ที่รับผลกระทบของโควิด-19 เข้ามามากที่สุด เพราะทำให้การเก็บหนี้ชะลอตัวลงไป ส่งผลการรับรู้รายได้จากการเก็บหนี้ลดลง ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานอาจจะชะลอตัวจากไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายมากขึ้น และมีการผ่อนคลายมาตรการให้กิจกรรมและกิจการต่างๆ เริ่มกลับเข้าสู่ปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ผลักดันให้ JMT สามารถจัดเก็บหนี้ได้มากขึ้น คาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับมาในช่วงไตรมาส 3/63 ขณะที่ JMT ยังเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีโอกาสเข้าซื้อหนี้ได้มากขึ้นและมีความคุ้มค่า โดยช่วงครึ่งปีแรก JMT สามารถซื้อหนี้ไปแล้วราว 5 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการซื้ออีก 5 พันล้านบาท ทำให้พอร์ตบริหารหนี้ขยายตัวขึ้น นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ซื้อ" JMT ราคาเป้าหมาย 23 บาท/หุ้น จากการประเมินแนวโน้มของกำไรในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความโดดเด่น จากมูลหนี้ใหม่ที่ JMT ได้ประมูลมาใหม่ 5 พันล้านบาท และแนวโน้มการจัดเก็บหนี้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มาค่อนข้างมากแล้ว ทำให้ลูกหนี้มีแนวโน้มกลับมาจ่ายหนี้ได้ตามปกติ และ JMT ยังมีการตัดต้นทุนหนี้บางกองหมดในครึ่งปีหลัง ทำให้สามารถรับรู้รายได้จากหนี้กองที่ตัดเข้ามาได้ทั้งหมด ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง JMT ยังมีโอกาสที่จะซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มขึ้นได้อีกเพราะสถานการณ์ NPLs ของกลุ่มสถาบันการเงินมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกมาก ทำให้ JMT อาจจะซื้อหนี้ก้อนใหม่เข้ามาบริหารได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย ส่งผลให้ฐานหนี้ที่ JMT บริหารเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อรายได้และกำไรในระยะต่อไป นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย แนะนำ "ซื้อ" JMT ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท/หุ้น มองโอกาสที่ JMT จะเข้าซื้อหนี้มาบริหารได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์ของ NPLs สถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้แนวโน้มของหนี้เสียเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อ JMT ที่จะซื้อหนี้เข้ามาในพอร์ต โดยคาดว่าจะเข้าซื้อมูลหนี้ราว 5 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้และกำไรของบริษัท ขณะเดียวกันการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ JMT สามารถเก็บหนี้มากขึ้น หลังจากที่ไตรมาส 2/63 การเก็บหนี้ได้ชะลอไปในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 จะชะลอตัว และคาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับมาในช่วงไตรมาส 3/63