ธนาคารกรุงเทพ(BBL)คาดว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)มีแนวโน้มลดลงจากระดับปัจจุบัน โดยในช่วงของ Gross NPL น่าจะลดลงไปอยู่ในระดับ 7-8% จากระดับ 9.09% ได้ ซึ่งพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะลดลงให้เหลือ 6%
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารมี Gross NPL 9.09% โดยคิดเป็น Net NPLs ราว 3% กว่าๆ หรือเกือบ 4% โดยในสิ้นปีธนาคารจะพยายามแก้ไขให้ NPL เหลือต่ำที่สุด
ด้านนายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า แนวโน้ม NPL ของธนาคารจะลดลง ทั้ง Gross และ Net NPLโดยเฉพาะในส่วนของ Gross NPL สิ้นปี 7-8% น่าจะมีความเป็นไปได้ แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะลดลงให้ได้ตามเป้าหมาย 6% โดยขณะนี้เกิดปัญหา NPL เกิดใหม่ในกลุ่มธุรกิจบางประเภทที่ขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน
ในปีนี้คาดว่าธนาคารจะสามารปรับโครงสร้างลูกหนี้น้ำตาลได้สำเร็จ 1 กลุ่ม คือ กลุ่มน้ำตาลบ้านโป่งและน้ำตาลนครเพชร โดยมีมูลหนี้ประมาณ 6 พันล้านบาท ส่วนอีกกลุ่มจะแล้วเสร็จในปี 51 โดยมีมูลหนี้เท่ากันที่ 6 พันล้านบาท
"ปัจจุบัน NPL ในกลุ่มส่งออก กลุ่มอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เริ่มมีโผล่มา จากการขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน...NPL ที่ผ่านมาแก้ได้เยอะแล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่เยอะเท่าๆ กับหลายปีที่ผ่านมา" นายสุวรรณ กล่าว
สำหรับสัดส่วน NPL ใหม่และเก่าขณะนี้คิดเป็นสัดส่วน 50:50
"NPL ของกลุ่มส่งออก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่ผ่านมามาก แต่ยอมรับว่า กลุ่มส่งออกเป็นลูกค้าที่ธนาคารให้ความสำคัญมาก พยายามให้เจ้าหน้าที่ติดตามดูแลอย่างสม่ำเสมอ" นายชาติศิริ กล่าว
นายชาติศิริ กล่าวถึงการที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินเชื่อให้ กลุ่มบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด, กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด, บริษัทแคปปิตอลโอเค จำกัด และบมจ. ชินแซทเทิลไลท์ (SATTEL) จัดชั้นหนี้ด้อยคุณภาพว่า เป็นมาตรการที่ทางธปท.ให้นโยบายไว้ โดยส่วนของธนาคารกรุงเทพไม่ได้มีอะไรมากกว่าไปกว่าที่ทำไว้แล้ว
นอกจากนี้ ทั้ง 4 ราย ไม่ใช่ลูกหนี้ของธนาคารทั้งหมด สำหรับเรื่องเงินกองทุนเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
นายชาติศิริ ยังคงยืนยันว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารไม่ได้มีการเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น และจะพยายามทำให้ได้ตามเป้าสินเชื่อปีนี้ที่จะเติบโต 4-5% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 2.6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 3%
"ในการปล่อยสินเชื่อเน้นปล่อยให้ทุกกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า ธุรกิจก่อสร้าง"นายชาติศิริ กล่าว
ขณะที่เงินฝากในเดือนมิ.ย.ของธนาคารปรับเพิ่มขึ้นมากสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น เรื่องดังกล่าว นายชาติศิริกล่าวว่า เรื่องนี้บังคับเงินกันไม่ได้ แต่ธนาคารจะพยายามบริหารให้เงินฝากและเงินกู้สมดุลกัน และบริหารต้นทุนให้เหมาะสมด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--