ทั้งนี้ เนื่องจากบ้านเป็น Real demand ที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัย และ เป็น Second Workplace สำหรับผู้บริโภคระหว่างช่วงอยู่บ้าน ทำให้มีความต้องการบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น โดยตลอดเดือนเม.ย-พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามียอด walk และจองสูงเป็น 2 เท่าของไตรมาส 1/63 ผลสำเร็จสืบเนื่องจากการที่บริษัทใช้กลยุทธ์ออนไลน์เชิงรุก พร้อมกับมีบ้านที่ดีไซน์และออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างดี และรวมถึงการตอบรับที่ดีต่อเนื่องของโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ที่เปิดในไตรมาส 2
ขณะที่ภาพรวม 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค. 2563) บริษัทมียอดขายแนวราบรวม 6,000 ล้านบาท เติบโต 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนแผนครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะเปิดโครงการแนวราบเพิ่มอีก 7 โครงการใหม่ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในทำเลศักยภาพที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ บริเวณพระราม 9, พัฒนาการ, บางนา-อ่อนนุช, วิภาวดี, สายไหม-วัชรพล และติวานนท์-รังสิต