นายเกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่สามารถประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ได้ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตรงทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมชะลอการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม (Pumps) ก็ได้รับผลกระทบจากการชะลอส่งมอบงาน และซัพพลายเออร์ก็มีปัญหาด้านการจัดส่ง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ (Valve & Process) มีการชะลอจากการส่งของจากยุโรป และมีลูกค้าบางส่วนก็มีการยกเลิกคำสั่งซื้อ เนื่องจากส่งของออกไปไม่ได้จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในยุโรป
ผลกระทบดังกล่าวก็น่าจะมีต่อเนื่องมาในไตรมาส 2/63 เพราะลูกค้าปิดโรงงานและเลื่อนการลงทุนออกไปถึง 80-90% แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้บริษัทเริ่มกลับมาทยอยส่งมอบงานได้บ้างแล้ว จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ในช่วงก่อนหน้านี้
"เรายังไม่สามารถประเมินรายได้ปีนี้ได้ เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ แม้สถานการณ์ในประเทศปัจจุบันไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มและมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ หลังต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีน กลับมาระบาดรอบ 2 ทำให้เรายังเป็นกังวลในประเด็นนี้"นายเกริก กล่าว
บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และตอบรับ New Normal โดยเริ่มจากภายในองค์กร คือ การทำ Full Digitalization เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสามารถทำงานจากที่บ้าน หรือที่ไหนก็ได้, พัฒนาบุคคลากร และปรับกระบวนการทำงาน โดยให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ในส่วนของธุรกิจ บริษัทได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ B2B ไป B2C มากขึ้น และมีการศึกษาทำ E-commerce ซึ่งจะจับมือร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องมือแพทย์ เป็นต้น จากเดิมจะอยู่ในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษา new business potential for digital initiatives เพื่อให้มีโมเดลใหม่ๆ สอดคล้องกับ digitalization ในปัจจุบัน รวมถึงการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ด้วย
นายเกริก กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร 3 เรื่อง ได้แก่ 1.Maximize synergy การทำงานร่วมกันระหว่าง SE และบริษัทร่วมทุน บริษัท ยูทินิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) โดย SE จะเป็นผู้จัดหาโปรดักส์ให้กับ UBA 2.Minimize cost การควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และ 3.Product value enhancement เช่น แผนกปั๊ม บริษัทฯ ก้ได้มีโฟกัสในเรื่องของการประหยัดพลังงานมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนให้กับอุตสาหกรรมในทุกอุตสาหกรรม
อีกทั้งยังตั้งเป้าเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการหารายได้ผ่านช่องทางอื่นๆ ขณะที่ยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้า Public Sector มากขึ้น เนื่องจากเป็นลูกค้าโครงการและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง โดยคาดหวังเพิ่มเป็น 50% ในปี 68 จากปีก่อนอยู่ที่ 10% ที่เหลือเป็นลูกค้า Private Sector และยังตั้งเป้ายอดขายไปในต่างประเทศมากขึ้น คาดหวังมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 30% ในปี 68 จากปีก่อนอยู่ที่ 2% โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็มีการไปศึกษาตลาดในเวียดนามและเมียนมามากขึ้น ซึ่งถือว่ามีโอกาสค่อนข้างมาก