ASP คาดปีนี้รายได้-กำไรดีหลังลงทุนตปท.200 ลบ.ได้ผลตอบแทน 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 21, 2007 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส (ASP) คาดว่าปีนี้จะมีรายได้และกำไรที่น่าพอใจเพราะมีรายได้จากการลงทุนและสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่สูง โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายปันผลประมาณ 90%ของกำไรสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากปีไหนตลาดหุ้นไม่ดี บริษัทก็สามารถมีการขายหุ้นที่ได้ลงทุนออกมาขายทำให้บริษัทมีรายได้ในอัตราที่ดี
"บริษัทพยายามที่จะมีการกระจายฐานรายได้ของบริษัทให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อทำให้รายได้ของบริษัทไม่ผันผวนมากนักตามมูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดหุ้นไทยถึงแม้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของบริษัทจะปรับตัวลดลงก็ตาม" นายก้องเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีการลงทุนในต่างประเทศ 2 กองทุน จำนวน 200 ล้านบาท โดยนำเงินออกไปลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งลงทุนระยะยาวจำนวน 1 กองทุน มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 20% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าหักกับการแข็งค่าของค่าเงินบาทบาทแล้วยังได้ผลตอบแทนกว่า 10% โดยในระยะยาวมองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะมีการเติบโตมากขึ้นในอนาคต จากเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว
และยังมีการลงทุนโดยตรงผ่านกองทุนเก็งกำไร (เฮดฟันด์) ขนาดกองทุนประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตราสารหนี้ สินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทพิจารณาจากผลการดำเนินงานกองทุนและผู้จัดการกองทุนย้อนหลัง 5-10 ปี พบว่าสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 20% และสูงสุดที่ทำได้ 50%
ทั้งนี้ ปัจจุบันบล.เอเชียพลัส ได้นำไปลงทุนในต่างประเทศแล้วจำนวน 2 กองทุน มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มยังต่างประเทศ ซึ่งมองว่าจะส่งผลดีต่อการลดภาวะค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ก็จะต้องมีการเลือกลงทุนในกองทุนที่ดี และในจังหวะที่เหมาะสม
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากการลงทุนคิดเป็น 30% ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 10% ทำให้สัดส่วนรายได้ด้านธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงเหลือกว่า 60% จากปี 2549 ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 70% และที่เหลือรายได้อื่นๆจะมาจากงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินที่ยังคงมีงาน IPO ที่อยู่ระหว่างดำเนินการแต่ปีนี้ไม่เน้นมากนักเน้นการเสนอขายหุ้นแบบ PO มากกว่าเพราะใช้เวลาไม่มากนัก
การที่มาร์เกตแชร์ของบริษัทมีการปรับตัวลดลงนั้น เนื่องจากสัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะหาพันธมิตรในการทำสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า (Exclusive Partner) ในการเพิ่มสัดส่วนฐานนักลงทุนต่างชาติให้กับบริษัท เพราะหากมีการทำ Exclusive Partner จะทำได้แค่รายเดียว ซึ่งหากมีปัญหากันก็จะทำให้ดำเนินธุรกิจลำบาก และยังคงเชื่อว่าการกระจายรายได้ของบริษัทเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ