นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น (ASCON) เปิดเผยถึงสาเหตุที่ขายหุ้นให้ Lehman Brothers Asia Holdings Limited ว่า เนื่องจากในอนาคตบริษัทจะเน้นรับงานในต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นทาง Lehman Brothers จะเข้ามาช่วยเหลือในด้านแหล่งเงินทุนให้กับบริษัทได้
"ขณะนี้ทาง Lehman Brothers ทยอยซื้อแล้ว 7.5% และก็คงจะทยอยซื้อเพิ่มให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการถือ" นายพัฒนพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
เช้านี้ ASCON แจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า นายพัฒนพงษ์ ขายหุ้นให้แก่ Lehman Brothers Asia เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ในราคาหุ้นละ 9.60 บาท
และต่อมาในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้นี้พบรายการบิ๊กล็อตหุ้น ASCON 1 รายการ จำนวน 3 แสนหุ้น มูลค่าซื้อขาย 3.63 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 12.10 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น ASCON บนกระดานเทรดหลักอยู่ที่ 12.10 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.63%)มูลค่าซื้อขาย 4.01 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.51 น.โดยเปิดตลาดที่ 12.20 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 12.10 บาท
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า จากการหารือกับฝ่าย Lehman Brothers ได้รับการยืนยันว่าจะไม่เข้ามามีส่วนในงานบริหาร แต่จะช่วยเสริมทางด้านการเงินเพียงอย่างเดียว โดยสาเหตุที่เข้ามาซื้อ เพราะสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะกิจการในประเทศไทยที่ยังมีราคาค่อนข้างถูก รวมทั้งสนใจกลุ่มรับเหมาก่อสร้างด้วย
ในส่วนของงานต่างประเทศ นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อนาคตเชื่อว่า Backlog ของบริษัทในต่างประเทศจะมีมากกว่า Backlog ในประเทศ เนื่องจากการรับงานในต่างประเทศส่วนมากจะเป็นงานขนาดใหญ่ รวมถึงราคาวัตถุดิบและราคาค่าก่อสร้างมีราคาสูงทำให้ได้ราคาดี
ที่ผ่านมา บริษัทได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรเยอรมันเข้าประมูลโครงการในตะวันออกกกลางคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นงานก่อสร้างอาคาร มูลค่า 4-5 พันล้านบาท หากได้งานในตะวันออกกลางจะทำรายได้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย จากก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมมือกับสตราบัก เอส อี (STRABAG SE)เข้ารับงานในเวียดนามมาแล้ว
"การรับงานต่างประเทศถือเป็นนโยบายของบริษัท ในการกระจายให้มีหลายธุรกิจและยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า คาดว่าในไตรมาส 4 บริษัทจะมีรายได้ก้าวกระโดด เนื่องจากจะรับรู้โครงการ The Inspire มูลค่า 1 พันล้านบาทที่จะรับรู้ทั้งจำนวนเลย ซึ่งจะทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังมีรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 2.2-2.5 พันล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกรายได้จะพลาดเป้าเล็กน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองด้วยที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยขณะนี้มีงานใหม่เข้ามา 2 งานเป็นงานภาคเอกชน รวมมูลค่า 600-700 ล้านบาท หากรวมกับ Backlog ที่มีอยู่ 3.5 พันล้านบาท ก็จะทำให้บริษัทมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้นที่บริษัทจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมนั้น กำหนดจะขึ้นเครื่องหมาย XR และ XW ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ซึ่งหากมีผู้ใช้สิทธิครบทั้งจำนวน คาดว่าจะได้เงินประมาณ 250 ล้านบาท และหุ้นเพิ่มทุนจะเข้าเทรดในเดือนก.ย. นี้
อนึ่ง ASCON จะมีการเซ็นสัญญากับ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเป็นความร่วมมือระยะยาวในลักษณะ Business Partner ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--