นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 และงดการซื้อหุ้นคืนของธนาคารพาณิชย์นั้น อาจกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตามในระยะยาว มาตรการดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อธนาคารพาณิชย์มากกว่า เนื่องจากจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอนและแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไปได้ และในทางกลับกันหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ดีอย่างต่อเนื่องและไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบสอง มาตรการนี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น
"มาตรการของ ธปท.ที่ออกมาขอให้ธนาคารพาณิชย์งดการจ่ายปันผลระหว่างกาล ซึ่งโดยปกติอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นสัดส่วนไม่มากนักประมาณ 20-30% ของจำนวนเงินปันผลจ่ายทั้งปีและบางธนาคารก็ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ทำให้การปรับลดลงของการคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) อาจไม่มากเท่าที่คาด และในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีระดับเงินกองทุนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้หากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีและเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธนาคารพาณิชย์ได้จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะเวลา 1-3 ปีข้างหน้าแล้วเสร็จด้วยดี ธนาคารพาณิชย์น่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลประจำปีได้ในปีหน้า ประกอบกับระดับ Valuation ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และเป็นระดับที่เริ่มน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว"นางสาวธิดาศิริ กล่าว
นางสาวธิดาศิริ กล่าวอีกว่า คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้ ยังคงสามารถถือครองการลงทุนต่อไปได้เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นโดยรวมโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินน่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบในระยะสั้น ส่วนผู้ที่รับความผันผวนไม่ได้ แนะนำให้รอดูสถานการณ์เพิ่มเติม โดยต้องจับตามองพัฒนาการของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาระบาดของโควิด-19 รอบสอง
อย่างไรก็ตาม บลจ. กสิกรไทยยังคงคาดการณ์เป้าหมาย SET Index ในปีนี้ที่ระดับ 1,350 จุด และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด หากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องไปถึงปีหน้า โดยแม้ระดับราคาหุ้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการอัดฉีดเงินของธนาคารกลางเข้าสู่ระบบทั่วโลก ส่งผลให้สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว