บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้(A) คาดว่าจะสามารถออกวอร์แรนต์ 191.6 ล้านหน่วยภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะนำวอร์แรนต์ส่วนหนึ่งไปใช้ค้ำประกันเงินกู้กับเอบีเอ็น แอมโร เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่าผลประกอบการปีนี้ยังมีกำไรสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในระดับ 1-2% ต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
นายวิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ A กล่าวว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์บริษัทจะยื่นไฟลิ่งกับสำนักงาน กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อขอออกวอร์แรนต์จำนวน 191.6 ล้านหน่วย หลังจากที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว
และคาดว่าจะออกวอร์แรนต์ได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า
การออกวอร์แรนต์ดังกล่าวจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นสามัญ ต่อ 1 วอร์แรนต์ จำนวน 151.6 ล้านหน่วย ส่วนที่เหลือจะนำไปค้ำประกันเงินกู้กับเอบีเอ็นแอมโร โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเม็ดเงินกู้จากเอบีเอ็นฯ วงเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ คาดว่า A จะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ขณะที่คอนโดมิเนียมจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีหน้า โดยในช่วงต้นปีนี้ A รับรู้รายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ไปแล้ว 700 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะรับรู้ฯ อีกราว 500 กว่าล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในด้านกำไรสุทธินั้น แม้บริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1-2% ในปีนี้ ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากบริษัทไม่ได้ขายแลนด์แบงก์ ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ไม่ได้ปรับตัวสูงมากนัก เพราะยังไม่ได้รับรู้ฯ ในส่วนของคอนโดฯ เข้ามามากนัก รวมทั้งไม่ได้กระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคาเหมือนผู้ประกอบการรายอื่น แต่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังอยู่ในระดับดีที่ 27-28%
นายวิศิษฎ์ เชื่อว่า ในปีนี้บริษัทจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/50 หลังจากที่ขาดทุนในไตรมาส 1/50 และระยะต่อจากนี้ รวมทั้งในปีนี้เชื่อว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการรับรู้ยอดขายคอนโดมิเนียมที่ทยอยเปิดตัวหลายโครงการในปีนี้
"ยอมรับว่าปีนี้ คงจะเห็นกำไรไม่มาก แต่ในปีหน้าเราเชื่อว่าจะดีขึ้น เพราะเรามีการรับรู้จากโครงการคอนโดฯที่เปิดไป ซึ่งมียอดขายเข้ามาแล้ว 5.5 พันล้านบาท" นายวิศิษฎ์ กล่าว
นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม 3 แห่ง ภายใต้แบรนด์"เดอะคัลเลอร์"ของบริษัทย่อยคือ บริษัท เอ สเปซ มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวเฟสแรกก่อนมูลค่า 850 ล้านบาท ขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง เพื่อให้สร้างบ้านได้เสร็จเร็วขึ้นเป็นภายใน 3 เดือน และมีต้นทุนที่ถูกลง
บริษัทยังคาดว่า ณ สิ้นปีนี้ D/E จะเพิ่มเป็น 2.5 เท่า จาก 2 เท่าในสิ้น Q2/50 เพราะช่วงปลายปีจะมีการกู้เงินเพื่อนำมาใช้สร้างโครงการคอนโดมิเนียม โดยขณะนี้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยปีละ 240 ล้านบาท แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เพราะเป็นเงินกู้ที่นำมาใช้ซื้อที่ดินในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในย่านเกษตรนวมินทร์ ซึ่งมีต้นทุน 2 หมื่นกว่าบาท/ตารางวา แต่ขณะนี้ราคาปรับขึ้นมาเป็น 3 หมื่นกว่าบาท/ตารางวาแล้ว
ส่วนกรณีที่ ก.ล.ต.สั่งเปรียบเทียบปรับกลุ่มนายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี รวม 9 คน เป็นเงิน 29.35 ล้านบาทฐานสร้างราคาหุ้น A นั้น นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท และการบริหารงาน เพราะการซื้อขายหุ้นของบุคคลใด ๆ ก็ตามเป็นสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจาก A เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ทุกคนก็มีสิทธิเข้ามาซื้อขายหุ้นได้
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--