นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ได้ติดลบกัน หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าประจำทำเนียบขาวกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้ยุติลงแล้ว โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงการค้ากับจีน หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐมีข้อมูลที่ทำให้เชื่อมั่นมากขึ้นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีต้นตอมาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่นของจีน
แม้ตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาจะรีบาวด์ขึ้นได้จากความคาดหวังสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ติดลบกว่า 400 จุด และตลาดฯก็ยังมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 วิตกจำนวนผู้ติดเชื้อระลอก 2 ในสหรัฐฯที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังมีมากอยู่ และยังมีข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งชะลอการใช้มาตรการคว่ำบาตรจีนกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ชั่วคราว
สำหรับบ้านเราคาดว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็มีโอกาสที่จะยังกดดันตลาดอยู่ หลังจากที่วานนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ปรับตัวลงแรงรับผลจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืน ซึ่งแรงขายอาจจะยังมีอยู่ เพราะผลประกอบการงวดไตรมาส 2/63 ของกลุ่มแบงก์ก็คาดว่าจะออกมาไม่ดีด้วย อีกทั้งเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีก็อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาก่อน พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และให้รอดูการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ รอดูว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาหรือไม่ ช่วงนี้แนะนำให้ลงทุนในหุ้นพวก Defensive ไปก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,366 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 มิ.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,024.96 จุด เพิ่มขึ้น 153.50 จุด (+0.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,117.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.12 จุด (+0.65%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,056.47 จุด เพิ่มขึ้น 110.35 จุด (+1.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 198.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 30.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 45.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.09 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 22.91 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มิ.ย.63) 1,352.18 จุด ลดลง 18.64 จุด (-1.36%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,076.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 มิ.ย.63) ปิดที่ 40.73 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 2.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มิ.ย.) อยู่ที่ 0.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.00/02 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดขาดปัจจัยใหม่ รอติดตามการประชุมกนง.พรุ่งนี้
- ธปท.ขอความร่วมมือผู้ให้บริการทางการเงินให้ชะลอการยึดทรัพย์ คลอดมาตรการฝ่าโควิดระยะ 2 ชี้นโยบายให้สถาบันการเงินทำแผนบริหารความเสี่ยงของกองทุนส่ง ก.ค.นี้ เพื่อตั้งการ์ดรับหากโควิดไม่จบ ด้านหยวนต้าฯชี้หากไม่มีโควิดรอบ 2 ปันผลระหว่างกาลที่งดจ่ายจะเลื่อนทบเต็มปี
- นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 2 ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ของสายการบิน จากเดิมมาตรการลดค่าธรรมเนียมลดเพียง 50% ให้กับทุกสายการบินที่เข้ามาจอดเครื่องบินนั้น โดยมาตรการช่วยเหลือใหม่จะให้จอดฟรีในทุกสายการบินที่ไม่สามารถทำการบินได้นี้ จะมีผลบังคับตั้งแต่ช่วงระยะเวลาที่สายการบินหยุดทำการบิน และจอดตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
- ดีเดย์ 1 ส.ค.2563 เริ่มลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต-เช่าซื้อ "แบงก์ชาติ" แจงออกมาตรการช่วยลูกหนี้รายย่อยรอบ 2 สู้พิษโควิด-19 จี้ธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้กลุ่มวิกฤติ หวั่นตกชั้นเป็นหนี้เน่า ด้านศูนย์วิจัยกสิกรคาด กนง.คงดอกเบี้ย 0.5%
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อรอดูประสิทธิผลของมาตรการการเงินการคลังที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบายเมื่อ พ.ค. 63 มาตรการช่วยเหลือทางการเงิน เช่น การพักชำระหนี้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น รวมถึงมาตรการเยียวยา การฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ต่อการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 และช่วยประคับประคองภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 50 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลายล็อกดาวน์ ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้แนฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
- ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.90 บาท ได้ประโยชน์จากการมาของ 5G เพราะทำให้เกิดการใช้ Data จำวนมาก เป็นบวกต่อธุรกิจให้บริการโครงข่ายและ Data center ของบริษัท แม้งบ Q2/63 จะลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ปัจจุบันมี Backlog ราว 4 พันล้านบาท และมีศักยภาพที่จะได้งานเพิ่มในอนาคต ส่วน PE ปีนี้ที่ 15 เท่า และ PBV 1.4 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่มี PE 20 เท่าและ PBV 2 เท่า
- BEM (กสิกรไทย) ให้ราคาพื้นฐาน 10.60 บาท จากแผนการจ่ายเงินปันผลเพิ่ม ,การจราจรที่ฟื้นตัวเร็ว และโอกาสชนะประมูลสายสีส้ม