นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง ประกอบกับความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ในสหรัฐและจีน หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,335-1,380 จุด
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% เพื่อประเมินผลตอบรับจากมาตรการต่างๆ ที่ได้ออกมาในช่วงก่อนนี้ รวมทั้งทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการแถลงเกี่ยวกับตัวเลขการส่งออก-นำเข้า และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงอีกจากที่ก่อนหน้านี้คาดหดตัว 3% ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือน เม.ย. และสต็อกน้ำมัน
อีกทั้งวันที่ 25 มิ.ย. ทางสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะยังคงสูงกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามในการควบคุมไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งเปิดเผยตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 1/63 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค. และปลายสัปดาห์มาลุ้นว่าจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่
"สถานการณ์เชิงบวก อาทิ ไทยมีความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-9 การทดสอบฉีดวัคซีนในสัตว์เข็มแรกได้ผลที่น่าพอใจ จะฉีดเข็มที่สองในวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา และแผนฉีดเข็มที่ 3 ในเดือนก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามแผนคาดจะทดสอบในมนุษย์ได้ประมาณเดือนต.ค.-พ.ย.นี้ ซึ่งไทยยังเป็นประเทศกลุ่มแรกร่วมกับประเทศในทวีปแอฟริกาที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 จากจีนหลังจากจากจีนส่งออกวัคซีนได้แล้ว คาดว่าจะประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยไม่พบต่อเนื่อง 28 วันแล้ว คาดจะมีการทยอยปลดล็อกในระยะต่อไปเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ รวมทั้งมีโอกาสที่จะเห็นการทำ Window Dressing สิ้นงวดไตรมาสที่ 2/63 ในขณะนี้ล้วนแต่รอผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ"
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ประเมินกลยุทธ์หุ้นรายตัวที่น่าจับตา โดยนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน SSFX เช่น AOT, CPALL, PTT และ ADVANC รวมทั้งหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 มีผลในช่วงครึ่งหลังของปี 63 เช่น BPP และ TTW
ส่วนราคาทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำจะ Sideway up ตามปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก เนื่องจากมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย โดยปลายสัปดาห์จะมีการประกาศ GDP และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐจะทำให้ทองคำผันผวนมากขึ้น ผู้ที่รอซื้อให้ซื้อที่แนวรับ 1,700-1,715 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 24,930-25,170 บาท/บาททองคำ และมีจุดขายทำกำไรที่ 1,735-1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 25,490-25,720 บาท/บาททองคำ ขณะที่ผู้ที่มีสถานะอยู่แล้วให้รอขายที่แนวต้านที่ให้ไว้