นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย 15-20% จากปีก่อน โดยช่วงครึ่งปีหลังจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 110.5 ล้านบาทเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 64 แบ่งเป็นงาน Animation 75.9%, Visual Effect 19.4% และ เกม 4.7%
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมีงานโปรเจ็คขนาดใหญ่ทั้งงาน Animation และ เกม เข้ามาเพิ่มเติมอีก โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาร่วมสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 3/63 และเจรจารับงานของ Netflix ราว 2-3 เรื่อง คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/63
ทั้งนี้ ในส่วนของเกม บริษัทก็เตรียมเปิดตัว Home Sweet Home Survival Game เวอร์ชั่นบน PC และบนมือถือ ในช่วงไตรมาส 3/63 และยังมีความสนใจพัฒนาเกม บนเพลย์สเตชั่น 5 ด้วย
นอกจากนี้ยังเตรียมให้บริการ Visual Production บริการรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นที่แรกในประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดกับงานปัจจุบันที่ YGG มีความเชี่ยวชาญ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจาก Production House เข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกันงานโฆษณาในประเทศไทย แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีลูกค้าบางรายเลื่อนการทำงานออกไปก่อน แต่ปัจจุบันก็เริ่มเห็นการกลับเข้ามาบ้างแล้ว และยังมีลูกค้าใหม่ ๆ ติดต่อเข้ามาอีกด้วย ซึ่งน่าจะส่งผลดีให้บริษัทมีงานเข้ามามากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และส่งผลดีต่อรายได้ปี 63 เติบโตไปตามเป้าหมาย
นอกจากนี้การเกิดวิกฤติโควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม บริษัทจึงได้มีการทำในเรื่องของ Visual VR ให้กับ VR Twins รองรับการซื้อสินค้าบนออนไลน์อีกด้วย
นายธนัช กล่าวว่า สำหรับตลาดต่างประเทศ ในงานโฆษณา ปัจจุบันมีการเติบโตในช่องทาง Online Stream ค่อนข้างมาก สวนทางกับตลาดในประเทศที่มีการทำโฆษณาบนวิดีโอออนไลน์น้อยลง ส่วนภาพรวมของ Animation ในตลาดขนาดใหญ่ อย่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งภายหลังจากจีนมีนโยบายเผยแพร่วัฒนธรรมไปทั่วโลก ก็ทำให้เกิดการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดจีนมีการเติบโตอย่างมาก เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ขณะที่ตลาด video on demand อย่างแพลตฟอร์ม Netflix, Disney และ Apple มีผู้ต้องการใช้บริการจำนวนมาก เพื่อเข้าดูคอนเทนท์ต่าง ๆ ทำให้บริษัทมองว่าผู้ผลิตแพลตฟอร์มยังมีความต้องการคอนเทนท์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับความต้องการผู้ให้บริการผลิตคอนเทนท์ โดยเฉพาะกับบริษัทที่ถือเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ระดับโลก
อย่างไรก็ตามจากบทวิเคราะห์ได้ระบุว่ามูลค่าตลาดรวมของ Animation และ Visual Effect จะเติบโต 9% ภายในปี 63-67 ส่วนมูลค่าตลาดเกมคาดว่าจะอยู่ที่ 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และน่าจะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 9% จนถึงปี 67 และในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน