นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 เติบโตดีกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก โดยหลักมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโซฟา, อุปกรณ์จัดเก็บของ, อุปกรณ์ครัว, สินค้าที่เกี่ยวกับการ Work from Home รวมถึงสินค้า Outdoor ส่งผลทำให้ยอดขายออนไลน์ของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.63 ทำให้บริษัทเล็งเห็นตลาดของการรีโนเวทบ้าน ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีบ้านเก่าอยู่กว่า 20 หลังคาเรือน หากมีการหันมาตกแต่ง ซ่อมแซมบ้านก็น่าจะทำให้เกิดความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น
"พอคนเริ่มอยู่บ้าน เขาก็เริ่มเล็งเห็นความสำคัญของการตกแต่งบ้าน เมื่อเทียบกับในอดีตก่อนเกิดโควิด-19 คนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนอกบ้านมากกว่า เช่น ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ออกไปช็อปปิ้งนอกบ้าน การแต่งตัวสวยๆ ซื้อของแบรนด์เนม แต่พอเกิดการล็อกดาวน์สิ่งที่เราเคยให้ความสำคัญก็ให้ความสำคัญน้อยลง ประกอบกับกำลังซื้อคนลดลงด้วย ทำให้คนมีการตัดค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งออกไป และก็เอามาใช้จ่ายในสิ่งที่เขาเล็งเห็นว่าสำคัญแทน ซึ่งเราก็ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่หมวดที่ได้รับประโยชน์จากโควิด-19"นางสาวกฤษชนก กล่าว
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวมองว่าจะเป็นพฤติกรรมถาวร แม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงแล้วก็ตาม ซึ่งบริษัทยังคงผลักดันการเติบโตในส่วนของออนไลน์ ควบคู่ไปกับการขายผ่านหน้าร้าน ที่ปัจจุบัน ILM ก็ได้กลับมาเปิดดำเนินการครบทุกสาขาแล้ว
สำหรับแผนการดำเนินงานภายหลังกลับมาเปิดสาขาได้แล้ว บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และรักษากระแสเงินสด โดยการเพิ่มยอดขาย ก็ได้มีการปรับปรุงสินค้าและบริการ ในหมวดสินค้าที่ขายดี ไม่ว่าจะเป็น Home Office, Home organizer ในการเพิ่มสินค้าที่ลูกค้าต้องการ และเพิ่มสินค้าในราคาที่ลูกค้าสามารถจับต้องได้
ขณะเดียวกันก็เพิ่มยอดขายออนไลน์ โดยตั้งเป้าปีนี้จะมีสัดส่วนยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 4-5% ของยอดขายรวม จากปีก่อนอยู่ที่ 2% ซึ่งใน 1-2 สัปดาห์นี้ บริษัทจะเปิดตัว Virtual store รองรับการซื้อสินค้าออนไลน์ได้แบบเสมือนจริง ผ่านเว็บไซต์ www.indexlivingmall.com
ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินการ Live Sale อย่างต่อเนื่อง และออกสินค้าใหม่ ที่จะมีขายเฉพาะออนไลน์เท่านั้น โดยใช้ชื่อว่า Furinbox คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง โดยร่วมมือกับพันธมิตรรับสร้างบ้าน และเครือเอสซีจี รวมถึงการปรับปรุงชุดครัว โดยนำเทคโนโลยี Younique หรือเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดเข้ามา เพื่อสร้างยอดขายในหมวดครัวให้เติบโตก้าวกระโดด อีกทั้งในช่วงโควิด-19 ก็ได้มีการเพิ่มบริการ โดยให้ดีไซน์เนอร์ เข้าไปออกแบบที่บ้านลูกค้า ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
นางสาวกฤษชนก กล่าวว่า บริษัทได้เปิดสาขาในประเทศเมียนมา ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา ในเวียดนาม ในครึ่งปีหลังของปีนี้ และวางแผนปิดคลังสินค้าจำนวน 1 แห่งในครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 3 แห่ง ก็น่าจะทำให้ต้นทุนของบริษัทลดลงได้ และลดสต็อกลงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านกระแสเงินสด บริษัทก็ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีความแข็งแกร่ง และยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ ในแง่ของกำไรสุทธิ บริษัทจะพิจารณาอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3/63 จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ยังคงเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1-1.50% หลังไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และควบคุมค่าใช้จ่าย ในการขายและบริหาร (SG&A) ให้ปรับตัวลดลงมา 2-3% รวมถึงควบคุมสต็อกให้ลดลง 300-500 ล้านบาท