(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข่าวผลประกอบการสดใส ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 82.19 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 14,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และหันไปตอบรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 82.19 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 14,000.41 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.91 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,553.08 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 20.55 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 2,720.04 จุด 
          ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.53 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.24 พันล้านหุ้น
          นักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง อาทิ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสิเนส แมชีนส์ (IBM) บริษัทจูปิเตอร์ เน็ทเวิร์คส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่าย และบริษัทเอสเอพี เอจี ซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ทางธุรกิจ ซึ่งผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเหล่านี้ได้ดึงดูดแรงซื้อเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนาแน่น
          อย่างไรก็ตาม หุ้นกูเกิ้ลร่วงลงหลังจากบริษัทกูเกิ้ลรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
          นายเจฟฟรีย์ ดันแฮม ประธานบริษัทดันแฮม แอนด์ แอสโซซิเอทกล่าวว่า "ข่าวผลประกอบการช่วยพาตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกได้ แม้นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ว่า สถานการณ์ที่ว่าบริษัทหลายแห่งถอนตัวออกจากธุรกิจปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพร์มนั้น อาจจะย่ำแย่ถึงจุดต่ำสุดก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในวันข้างหน้า"
          นอกจากนี้ รายงานการประชุมครั้งหลังสุดของเฟดที่ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ได้กระตุ้นนักลงทุนให้ส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนตลาดเช่นกัน
          "อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีปัจจัยลบหลายอย่างปกคลุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ความกังวลเรื่องธุรกิจปล่อยกู้ให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพร์ม และความไม่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม หากผลประกอบการของบริษัทเอกชนยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ก็จะช่วยพยุงดาวโจนส์ให้เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 14,000 จุดต่อไปได้" นายดันแฮมกล่าว
          ทั้งนี้ หุ้น IBM พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจซอฟท์แวร์และการบริการธุรกิจที่คืบหน้าขึ้นอย่างมาก ขณะที่หุ้นกูเกิ้ลร่วงลง 8.1% หลังจากกูเกิ้ลรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 28% แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
          ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 51 เซนต์ ปิดที่ 31 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัท ขณะที่หุ้นจูปิเตอร์ เน็ทเวิร์ค ดีดขึ้น 12.5% เพราะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง