นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น เวียดนาม รวมทั้งภูมิภาคเอเชีย และยุโรป คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้มากกว่า 1 โครงการ รูปแบบการลงทุนมีทั้งการร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการเพื่อให้สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานได้ทันที โดยมีนโนยายการลงทุนจะต้องถือหุ้นมากกว่า 50%
ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมด้านเงินลงทุน ซึ่งหากเห็นว่าโครงการใดมีความเหมาะสมก็จะตัดสินใจลงทุนทันที ขณะที่หากไม่หาโครงการใหม่เพิ่มเติมก็จะทำให้ P/E ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าอาจลดลงเหลือ 10 เท่า ดังนั้น บริษัทจึงต้องหาสมดุลทางธุรกิจด้วยการหาโครงการใหม่เข้ามาเติมในช่วงปี 63-64
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากนัก รวมทั้งบริษัทได้ปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้ และโครงการที่เข้าร่วมพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3, โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงาน
ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) คาดว่าจะมีการลงนามสัญญา PPP ในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ มูลค่าการลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท
"ผลประกอบการของเราไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากโควิด-19 มากนัก โดยโครงการใหม่ก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง อีกทั้งก็พยายามที่จะเข้าซื้อกิจการบริษัทที่ดำเนินการแล้วเพื่อรับรู้กำไรทันที ซึ่งจะส่งผลให้ P/E ลดลง"นายสารัชถ์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังคาดว่าในข่วงปลายปีนี้จะสามารถนำเข้าธรรมชาติเหลว (LNG) แบบ Spot 1 ล็อต ปริมาณ 65,000 ตัน เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ซึ่งไปตามแผนหลังจากที่บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (shipper) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในปริมาณ 3 แสนตันต่อปี ซึ่งจะป้อนให้กับโรงไฟฟ้า SPP ของบริษัทจำนวน 19 โรง
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า บริษัทตั้งบลงทุนในช่วง 5-6 ปีนี้วงเงินราว 140,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โครงการ IPP 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าศรีราชา (GSRC) และโรงไฟฟ้าปลวกแดง (GPD) รวม 5,300 เมกะวัตต์ ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงาน กำหนดจ่ายไฟฟ้าตามแผนระหว่างปี 64- 67
บริษัทยืนยันว่าฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง และยังแผนเตรียมจะออกหุ้นกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาทในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ 1.51 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถระดมทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโตเป็น 5 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้นแตะ 1.4 แสนล้านบาทในปี 68