นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายและออกหุ้นกู้มูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 5 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดที่เสนอขาย หรือเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และ ในบางรุ่น มีมูลค่าถึง 11 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อธุรกิจของบริษัท ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับการขยายธุรกิจ และ/หรือเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินตามความเหมาะสม
"ตอนแรกทางบริษัทเองก็ไม่มั่นใจว่าหุ้นกู้จะขายหมดครบทุกรุ่นหรือไม่ เนื่องจากสภาพตลาดไม่เอื้ออำนวย การให้ข้อมูลแก่นักลงทุนก็ทำในรูปแบบ e-Roadshow ผ่านทาง VDO Conference อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี...ทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ตามแผนการบริหารโครงสร้างทางการเงินด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ"นายวิชัย กล่าว
ทั้งนี้ SPI เสนอขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 5 พันล้านบาท แบ่งเป็น 4 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.54% ต่อปี , ชุดที่ 2 วงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.74% ต่อปี , ชุดที่ 3 วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.16% ต่อปี และชุดที่ 4 วงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.63
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรและเรทติ้งหุ้นกู้ของบริษัท อยู่ที่ระดับ "AA" แนวโน้ม "Stable"
นายวิชัย กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า หุ้นกู้ที่ได้รับเรทติ้งระดับ "AA" ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 มีไม่มาก ทำให้สบายใจที่จะลงทุนกับหุ้นกู้ SPI ที่มีผลประกอบการดีมาโดยตลอด ประกอบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อทีมงานผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนและพิสูจน์ความสำเร็จมามากมายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการทำดีลซื้อและควบรวมกิจการในช่วงระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำเสมอว่าจะไม่สร้างหนี้เกินตัว การลงทุนนี้จึงเปรียบเสมือนกับ Safe haven ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณค่า เช่น ทองคำ หากแตกต่างกันก็ตรงที่ผลตอบแทนแน่นอนสม่ำเสมอ
รวมถึงยังมีความเชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งของเครือสหพัฒน์ นโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง และแผนการดำเนินธุรกิจที่มีความรอบคอบ คล่องตัว ยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดี จะเสริมสร้างศักยภาพให้บริษัทเติบโตเคียงคู่สังคมไทยต่อไป