นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามสหบริการ (SUSCO) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมัน TPI จำนวนกว่า 20 แห่งทั้งในกรุงเทพและปริมณฑลจาก บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) ซึ่งคาดว่าจะมีการสรุปราคากันในสัปดาห์หน้า
"กำลัง work กันอยู่ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบ เม็ดเงินที่จะไปซื้อปั๊มดังกล่าวจะเป็นเงินสดหมุนเวียนของบริษัทที่มีอยู่แล้ว เป็นเงินของบริษัทเอง" นายชัยฤทธิ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ปัจจุบัน SUSCO มีปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ 164 แห่ง หากได้ปั๊มน้ำมันของ TPI เข้ามาอีกประมาณ 20 กว่าแห่งก็จะมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 200 แห่ง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อมีข้อสรุปการเจรจาซื้อปั๊ม TPI แล้ว จะมีการพิจารณาทบทวนเป้าหมายรายได้จากการขายปลีกน้ำมันในปีนี้ จากที่ตั้งเป้าไว้ 7,500 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 8,300 ล้านบาท ซึ่งการตั้งเป้ารายได้ลดลงไม่ได้หมายความว่าการขายลดลง แต่เราตั้งเป้าตอนปลายปี 49 ตอนนั้นคาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงมา หากราคาน้ำมันทรงตัว หรือสูงขึ้นกว่าที่คาด ก็น่าจะมีรายได้สูงกว่าเป้า
"เป้ารายได้ที่ตั้งลดลงเนื่องจากเราคาดการณ์ราคาน้ำมันลง แต่ตอนนี้ดูท่าว่าราคาน้ำมันจะไม่ลงโดยจะสูงกว่าปีที่แล้ว ยอดรายได้ก็จะเกิน 8,000 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว" นายชัยฤทธิ์ กล่าว
*คาดผลประกอบการ Q2/50 ดีกว่า Q1/50 จากกำไรต่อลิตรสูงขึ้น
นายชัยฤทธิ์ เชื่อว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/50 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/50 โดยในแง่รายได้ไตรมาส 2/50 คาดว่ายอดขายปลีกน้ำมันน่าจะสูงถึง 2,000 ล้านบาทจาก 1,924.20 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 1/50 ส่วนรายได้จากการขายส่งน้ำมัน เป็นธรรมชาติของธูรกิจที่มีกำไร(มาร์จิน)ต่ำ แต่วอลุ่มมาก
"ขณะที่รายได้หลักมาจากการขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊ม โดยรายได้จากการขายส่งคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้หลัก ถึงแม้ margin ต่ำก็ต้องขายเป็นปกติ เพราะเป็น nature ของเรา"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
สำหรับงบรวมของ SUSCO ในไตรมาส 1/50 มีผลขาดทุนสุทธิ 1.65 ล้านบาท แต่หากเป็นงบเดี่ยวจะมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 2-3 ล้านบาท
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า ไตรมาส 2/50 มาร์จิ้นการขายปลีกน้ำมันไม่ค่อยดี แม้ว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นก็จริง แต่เมื่อผู้ค้ารายใหญ่อย่าง บมจ.ปตท.(PTT)ไม่ได้ขยับราคาขึ้นตามความเป็นจริง ส่วนค่าการกลั่นที่ขยับสูงขึ้นนั้นบริษัทก็ได้รับผลกระทบคือค่าการตลาดก็น้อยลงเพราะต้นทุนขึ้นแต่ราคาขายไม่ได้ขยับ ซึ่งจะทำให้กำไรต่อลิตรต่ำ อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าสถานการณ์ยังดีกว่าไตรมาส 1/50
"ไตรมาส 2 กำไรต่อลิตรยังดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1 ส่วนจะพลิกเป็นกำไรได้หรือไม่นั้น จริงๆ แล้วไตรมาส 1 ของ SUSCO ไม่ขาดทุน แต่ไปขาดทุนจากบริษัทย่อย โดย SUSCO มีกำไรประมาณ 2-3 ล้านบาท แต่ถ้าไปรวมกับงบรวมจึงเป็นผลขาดทุนตามระบบบัญชีใหม่ แต่มั่นใจไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1 เพราะกำไรต่อลิตรมากขึ้น แต่ก็ขยับขึ้นเล็กน้อย ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์ถือว่าต่ำมาก" นายชัยฤทธิ์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์ในครึ่งหลังของปี 50 ปัจจัยเรื่องการเมืองคงไม่เกี่ยวกับบริษัท แต่ประเด็นด้านเศรษฐกิจค่อนข้างสำคัญกับธุรกิจของบริษัท เนื่องจากการใช้นำมันขึ้นกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจไม่ดีการใช้น้ำมันก็ใช้น้อยลง แต่ถ้าเศรษฐกิจดีการใช้น้ำมันก็เติบโต
ในแง่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตามสภาวะตลาด เนื่องจากตลาดปรับขึ้นมาร่วม 50 จุดแล้วหุ้น SUSCO ยังไม่ได้ปรับขึ้น วันนี้ตลาดหุ้นหันมาเล่นหุ้นเล็ก ซึ่ง SUSCO ไม่ได้ปรับขึ้นมานาน โดย BV อยู่ที่ 1.13-1.14 บาท/หุ้น ซึ่งราคาหุ้นต่ำยืนแถวนี้มานานแล้วเพิ่งจะขยับขึ้น
เมื่อเวลา 15.38 น. ราคาอยู่ที่ 0.47 บาท บวก 0.05 บาท (+11.90%)
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--