บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) ยอมรับสภาพบาทแข็งกดรายได้ปีนี้ให้เพิ่มขึ้นได้เพียงประมาณ 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4 พันล้านบาท ขณะที่เป้าเดิมคาดว่าจะเติบโตราว 10% ส่วนกำไรสุทธิก็น่าจะน้อยลงจากปีก่อนที่มี 432 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะลดเหลือประมาณ 9-10% จากเดิม 11-12% เพราะจะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย แต่ก็ยังคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 30-35% ขณะที่ผลกระทบจากการตัดสิทธิจีเอสพีจากสหรัฐฯไม่กระทบมากนัก เพราะมีการส่งออกที่มีส่วนผสมทองไม่สูงอยู่แล้ว
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร PRANDA กล่าวว่า แม้จะมีผลกระทบจากบาทแข็ง แต่บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน ประกอบกับมีการนำเข้าวัตถุดิบ 60% จึงช่วยทำให้บริษัทรับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่มากจนเกินไป รวมทั้งมีการปรับราคาขายทุก 3 เดือนตามการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน
" เรากระทบแน่นอนเรื่องค่าเงินบาท แต่เราก็มีการปรับราคาขายทุก 3 เดือนเพื่อป้องกันต้วเอง ซึ่งทำเป็นประจำอยู่แล้ว เราก็อยู่ได้ ปีนี้เราได้การโค้ดราคาปรับตามค่าเงิน...แต่ไม่รู้ปลายปี ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีกเท่าไร ซึ่งตอนนี้เรามองไปแล้วที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ไม่รู้อยู่หรือเปล่า" นางสุนันทา กล่าว
นางสุนันทา คาดว่า ยอดขายครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะอยู่ในช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ปกติจะมีการออเดอร์สินค้าเข้ามามาก ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้ที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า
"ค่าเงินบาทจะเป็นเท่าไรก็ได้ แต่ต้องให้นิ่ง เราควบคุมต้นทุนลำบาก ...สินค้าเราแพงขึ้น ลูกค้าก็ต่อรองได้มากขึ้น" นางสุนันทากล่าว
ส่วนผลกระทบจากสหรัฐที่ตัดสิทธิจีเอสพีเครื่องประดับที่มีส่วนประกอบจากทองของไทย ทำให้ต้องเสียภาษีนำเข้าถึง 5.5% นั้น บริษัทได้รับผลกระทบบ้าง แต่บริษัทมียอดส่งออกไปสหรัฐ 40% โดยในจำนวนนี้มีสินค้าที่มีส่วนประกอบจากทองเพียง 20-30% อย่างไรก็ตาม บริษัทใช้วิธีผลักดันต้นทุนอยู่แล้ว(cost push) และจะมีการปรับรูปแบบให้ใช้ส่วนผสมที่เป็นทองน้อยลง พร้อมมองว่า ลูกค้าจะยอมรับราคาได้ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดของบริษัท ได้แก่ สหรัฐ 40%, ยุโรป 35%, ญี่ปุ่น 25% และมีในประเทศบ้าง ปัจจุบัน PRANDA ได้ขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มเพื่อชดเชยตลาดสหรัฐที่ปีนี้ได้รับกระทบจากจีเอสพี ได้แก่ ประเทศแถบยุโรปตะวันออก ขณะเดียวกัน การเข้าขยายในจีน เวียดนาม เป็นฐานการผลิตช่วยขยายรายได้ให้บริษัทได้ดี มองว่าอนาคตตลาดในจีนจะเป็นฐานการผลิตและตลาดสำคัญของบริษัทได้
ในเวียดนามขณะนี้บริษัทได้กำไรมา 3 ปีแล้ว ขณะที่จีนบริษัทได้เข้าไปที่เซินเจิ้น กวางเจา ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โดยเพิ่งเข้าไปได้เพียง 3 ปี คาดว่าตลาดที่จีนเติบโตได้มาก
ขณะที่ตลาดอินเดีย บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ Gunjan Jewels Pvt. Ltd ซึ่งเป็นธุรกิจของคนในท้องถิ่น โดย PRANDA ถือหุ้น 51% ใน Pranda Jewelry India Pvt. Ltd. คาดว่าปีหน้าเริ่มดำเนินการได้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--