"การลงทุนในครั้งนี้เป็นเพียงการลงทุนเพื่อที่จะหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเท่านั้น ไม่ได้หวังจะเข้าไปบริหารงานแต่อย่างใด โดยในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงมาก ๆ เราก็ได้เข้าไปลงทุนแล้วบางส่วน ซึ่งได้ราคาค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน"นางสาวยุพาพิน กล่าว
สำหรับการลงทุนของบริษัทยังคงเน้นในธุรกิจหลัก คือ การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันบริษัทได้ศึกษาและเจรจาเข้าซื้อโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งในประเทศสหรัฐ กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศใน CLMV โดยคาดว่าปีนี้จะได้ข้อสรุปไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ (MW) "ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เราก็มีแผนการเข้าซื้อกิจการ หรือเข้าถือหุ้น เกี่ยวกับไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และบริษัทยังมีโอกาสที่จะเลือกโครงการดี ๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่ยังมีโอกาสในการเติบโต ซึ่งปีนี้เราก็คาดหวังว่าจะสมารถสรุปแผนการเข้าร่วมลงทุน หรือซื้อกิจการได้ไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ และจะมีโครงการที่บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตชัดเจนในปี 64 เป็นต้นไป"นางสาวยุพาพิน กล่าว