นางไพจิตร รัตนานนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า หลังควบรวมกิจการกับบริษัท สหการวิศวกร จำกัด (SKW) บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจมากขึ้น โดยแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง TRC และ SKW มีแผนจะเข้าร่วมประมูลงานอีกประมาณ 7-8 โครงการมูลค่ารวมกันประมาณ 6,000 ล้านบาท
ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มบริษัทจะได้รับงานมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่นับรวมมูลค่างานในมือที่เซ็นสัญญาแล้ว (Backlog) ที่มีในปัจจุบันประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าภาพโดยรวมคือปริมาณงานในตลาดลดลง แต่เนื่องจาก TRC มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันทำให้สามารถชนะการประมูลและได้รับงานได้ไม่ยากนัก
ในครึ่งปีหลังคาดว่างานในส่วนของของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจมากนัก เพราะเป็นงานที่ผู้ว่าจ้างต้องดำเนินตามแผนลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว อาทิ งานจาก บมจ.ปตท.(PTT) เป็นต้น
แต่สำหรับงานด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานและงานโยธาที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐยอมรับว่าตลาดค่อนข้างจะ slow down ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ TRC ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นการรับเหมางานแบบ Turnkey ที่นำเสนอลูกค้าทั้งแพ็คเกจ ตั้งแต่การจัดหาไฟแนนซ์จนถึงก่อสร้างครบวงจร ซึ่งทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ทดแทนกับปริมาณงานในตลาดที่ลดลงได้ ทำให้บริษัทฯ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย สิ้นปีนี้ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนจากปี 2549 ที่ TRC มีรายได้ประมาณ 737 ล้านบาท
นางไพจิตร กล่าวว่า หลังควบรวมกิจการกับ SKW สามารถรับงานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น จากงานบริการด้านก่อสร้างและวิศวกรในงานวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจาก SKW เป็นบริษัทรับงานทางด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Infrastructure) โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานโยธา และเป็นผู้รับเหมาที่จดทะเบียนขึ้นชื่อกับทางหน่วยงานราชการหลายแห่ง เช่น กรมทางหลวง, กรมชลประทาน ฯลฯ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายขอบกิจการให้บริการให้ครบวงจรมากขึ้น
นอกจากนี้ SKW ยังมีพันธมิตรธุรกิจที่มีศักยภาพคือ Zelan Holding (M) Sdn Bhd ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Zelan Berhad, Malaysia จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภครายใหญ่ที่สุด รวมทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศมาเลเซีย
ปัจจุบันกลุ่มบริษัท Zelan ได้ร่วมลงทุนกับ SKW โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สหการ ซีแลน(ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 51 และร้อยละ 49 ตามลำดับ เพื่อดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยและเขตภูมิภาค ซึ่งทำให้ SKW มีแนวโน้มที่จะได้รับงานในด้านโรงงานไฟฟ้า และการบริหารงานโครงการซึ่งเป็นงานที่มีอัตรากำไรขึ้นต้นสูงประมาณร้อยละ 20-30 ซึ่งมากกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของงานรับเหมาก่อสร้าง
"หลังจากที่ทั้ง 2 บริษัทควบรวมกิจการแล้วทำให้ TRC แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทั้งด้านงานวิศวกรรมวางท่อในธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่ทำอยู่ แต่จากนี้บริษัทฯ จะมีงานในกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน งานโยธา และงานรับเหมาแบบ Turnkey เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นงานที่สหการวิศกรมีความเชี่ยวชาญ และอนาคตทำให้บริษัทฯสามารถรับงานทั้ง 2 รูปแบบได้อย่างคล่องตัว ซึ่งขณะนี้ได้เดินเครื่องลุยงานอย่างเต็มที่" นางไพจิตร กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--