นางนฤมล น้อยอ่ำ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เปิดเผยว่า BDMS ร่วมกับ PING AN HEALTH จากประเทศจีนประกาศความพร้อมในการนำเสนอแนวทางการรักษาที่หลากหลายครอบคลุมความต้องการ รวมถึงบริการสุขภาพในด้านต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้า PING AN HEALTH ในจีน อาทิ โปรแกรมตรวจร่างกายพื้นฐาน โปรแกรมการตรวจและรักษาโรคเฉพาะทางทั้งระดับทั่วไปและที่มีความซับซ้อนโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โปรแกรมตรวจคัดกรองและการรักษาโรคมะเร็ง การรักษาด้านศัลยกรรมกระดูก การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกและการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การรักษาโรคหัวใจและระบบประสาท เป็นต้น
โดย BDMS มีบริการพิเศษในการให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในไทย ที่พร้อมจะให้ข้อมูลก่อนเข้ารับการรักษา การให้บริการด้านวีซ่า ตลอดจนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือการเดินทางจากสนามบินเพื่อเข้ารับการรักษา และบริการพิเศษดูแลผู้ป่วยระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยห้องพักแบบ Single rooms ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้ประกันสุขภาพของ PING AN HEALTH ซึ่งทุกโรงพยาบาลในเครือ BDMS พร้อมรองรับการให้บริการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ BDMS ประเมินว่าจะมีลูกค้าชาวจีนที่ทำประกันของ PING AN HEALTH เข้ามารับบริการรักษาในด้านโรคมะเร็ง และศัลยกรรมกระดูกอย่างน้อย 1,000-4,000 คน/ปี ซึ่งในช่วงแรกของความร่วมมือ PING AN HEALTH ก็จะเริ่มทำการตลาดเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดย BDMS คาดหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างรายได้เข้ามาปีละ 1,000-2,000 ล้านบาทภายใต้สถานการณ์ปกติ
ปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลทั้งสิ้น 49 แห่ง แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มโรงพยาบาลมาตรฐานระดับสากล ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ, กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช, กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท, กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาล BNH และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล ขณะที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและพยาบาลกว่า 22,000 คน พร้อมให้บริการด้านการดูแลสุขภาพมาตรฐานระดับโลกแก่ผู้ป่วยชาวจีน โดยมีแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์และฝ่ายบริการที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้
นอกจากนี้ เครือโรงพยาบาลทั้งหมดยังสามารถดูแลชาวต่างชาติได้ครอบคลุมทุกประเทศ จากจำนวนเตียง ที่สามารถรองรับลูกค้าชาวต่างชาติได้ค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันมีจำนวนเตียงที่พร้อมใช้งาน 6,000 เตียง และมีการใช้งานอยู่ประมาณ 4,000 เตียง ขณะที่สามารถขยายเพิ่มได้ถึง 8,000 เตียง โดยไม่ต้องลงทุนโรงพยาบาลใหม่เพิ่ม
นางนฤมล กล่าวว่า ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากลูกค้าคนไทย 70% ของรายได้รวม ส่วนอีก 30% เป็นลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้เป็นลูกค้าชาวจีนประมาณ 1-2% ซึ่งบริษัทก็คาดหวังว่าภายหลังจากการจับมือกับ PING AN HEALTH ครั้งนี้จะทำให้สัดส่วนลูกค้าจีนขยับขึ้นมาเป็น 1 ใน 3 ของลูกค้าต่างประเทศ จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 4 ซึ่งประกอบด้วย ตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น, เมียนมา, จีน และสแกนดิเนเวีย เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินงานของ BDMS ในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์มากขึ้น ซึ่งล่าสุดก็จะเริ่มผ่อนคลายระยะ 5 ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ หรือกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาดำเนินการตามปกติได้ รวมถึงคาดว่าจะอนุญาตให้เปิดน่านฟ้านำเที่ยวบินพิเศษเข้ามาได้ เช่น บริการแก่คนไข้ระดับบนและกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical Tourism ,กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลที่สามารถเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศได้ ก็น่าจะส่งผลดีกับบริษัทในครึ่งปีหลังนี้
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทชะลอแผนการลงทุนทุกอย่างออกไปก่อน รวมถึงแผนการเข้าซื้อกิจการของโรงพยาบาลแห่งอื่นด้วย ซึ่งภายหลังจากยกเลิกแผนทำคำเสนอซื้อหุ้นของ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ก็ไม่มีแผนสำรองอื่นเพิ่มเติม
ด้านนายหยาง เจิ้ง ประธานบริษัท ผิงอัน เฮลธ์ (PING AN HEALTH) กล่าวว่า ความร่วมมือกับ BDMS ในครั้งนี้ เพื่อมอบบริการสุขภาพแก่ผู้ประกันตนในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการยกระดับสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนด้วยระบบบริการทางการแพทย์มาตรฐานระดับโลกอีกขั้นของจีนด้วยการขยายเครือข่ายทางการแพทย์ และการพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการที่เหนือกว่า และยังเป็นจุดเริ่มต้นของบริการใหม่ ๆ ที่เกิดจากการหารือร่วมกันระหว่างบริษัทประกันและธุรกิจบริการสุขภาพทางการแพทย์ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ครอบคลุมและระบบบริการที่ดีกว่า เหมาะสมกว่า สามารถตอบโจทย์ให้แก่ผู้ประกันตนได้อย่างแท้จริง
"บริษัทต้องการส่งมอบบริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าอย่างหลากหลาย รวมถึงช่องทางการรักษาในแบบ Green Channel ศูนย์บริการผู้ป่วยการตรวจวินิจฉัยซ้ำเพื่อความมั่นใจในแนวทางการรักษาการเรียกเก็บเงินโดยตรงถึง บริษัท ประกันและบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินทั่วโลกเพื่อให้ลูกค้ารับบริการด้วยความสะดวกไร้กังวลในทุกครั้งที่เข้ารับบริการโดยประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากความร่วมมือในครั้งนี้คือคุณภาพและผลลัพธ์ในการรักษาที่คุ้มค่าที่สุดได้รับบริการรวดเร็วยิ่งขึ้นสะดวกด้านการสื่อสารด้วยภาษาจีนสามารถเลือกแนวทางการรักษาได้หลากหลายทั้งการแพทย์แผนตะวันตก, การแพทย์แผนจีน (TCM) และการแพทย์ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ"นายหยาง เจิ้ง กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทตระหนักดีว่าพื้นฐานสุขภาพที่ดีเป็นปัจจัยส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาของประเทศ บริษัทจึงได้วางกลยุทธ์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้แผนแม่บทด้านสุขภาพของจีนบรรลุยังเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2573 ด้วยการส่งเสริมให้ชาวจีน 100 ล้านคน มีสุขภาพที่ดีที่พร้อมส่งมอบบริการด้านประกันสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของจีน