นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่ และตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศหดตัวทุกส่วน อีกทั้งยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯอาจจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 แสนคนต่อวัน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวอิงบวกเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2564 และติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น, ยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านคน
พร้อมให้แนวรับ 1,335 ถัดไป 1,320-1,325 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350-1,355 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 มิ.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,812.88 จุด เพิ่มขึ้น 217.08 จุด (+0.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,100.29 จุด เพิ่มขึ้น 47.05 จุด (+1.54%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,058.77 จุด เพิ่มขึ้น 184.61 จุด (+1.87%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 50.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 20.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.96 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันสถาปนาเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มิ.ย.63) 1,339.03 จุด เพิ่มขึ้น 9.27 จุด (0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,166.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 มิ.ย.63) ปิดที่ 39.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 43 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 มิ.ย.) อยู่ที่ -0.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.96 ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ให้กรอบวันนี้ 30.85-31.00
- ครม. อนุมัติ 2.2 หมื่นล้าน หนุน "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" ปรับเกณฑ์กระตุ้นท่องเที่ยว อุดหนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบ ค่าที่พัก 5 ล้านคืน ค่าร้านอาหารฯ 5 ล้านสิทธิ คาดดันเศรษฐกิจ 7.2 แสนล้าน ขณะ "สทท." เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 2 ดิ่งหนักรอบ 10 ปี
- ครม.ไฟเขียวแผนพลังงาน สร้างไทยของกระทรวงพลังงาน เร่งรัดการลงทุนปี 2563 กว่า 2 แสนล้านบาท หนุนจ้างงาน 10,000 คน หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 มุ่ง 3 ด้าน 1.สร้างชุมชนเข้มแข็งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก 2.พลังงานทดแทนเพื่อทุกคน และ 3.ด้านนวัตกรรมเพื่อช่วยต่อ ยอดรายได้และเพิ่มมูลค่าของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ
- ก.ล.ต.เดินหน้าผลักดันกองทุนไฮยิลด์บอนด์ หวังช่วยผู้ประกอบการระดมทุนท่ามกลางวิกฤติโควิด ล่าสุดร่อนหนังสือถึง "แบงก์ชาติ" ขอผ่อนเกณฑ์ให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์เข้าลงทุนได้ พร้อมชงคลังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หวังจูงใจผู้ลงทุน
- นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ได้ออกรายงานเศรษฐกิจไทยคาดว่าจีดีพีไทยปีนี้จะติดลบกว่า 5% จากเดิมที่เคยคาดติดลบ 3% และน่าจะใช้เวลามากกว่า 2 ปีที่กลับไปสู่จีดีพีระดับก่อนที่ประสบปัญหาโควิด-19 เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของเชื้อ โควิด-19 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีคนตกงานกระจายไปทั่ว และกระทบต่อครัวเรือนชนชั้นกลาง และครัวเรือนที่ยากจน ก่อนเศรษฐกิจไทยจะฟื้นขยายตัวที่ 4.1% ในปี 64 และ 3.6% ในปี 65 แต่ยังขึ้นอยู่ปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ การท่องเที่ยวที่เปราะบาง รวมถึงการค้าและห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน
- น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในรอบ 5 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 63) ว่า การใช้น้ำมันทุกประเภทเฉลี่ยอยู่ที่ 139.51 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 13.4% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการใช้ลดลงทุกประเภททั้งดีเซล เบนซิน น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด แอลพีจี ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการขยายระยะเวลาบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปจนถึงสิ้น มิ.ย. ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจยังไม่เต็มที่ ประกอบกับสถานการณ์ต่างประเทศยังไม่คลี่คลาย ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัวลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 62 บาท จากข่าววานนี้ที่อียูเปิดรายชื่อ "ประเทศปลอดภัย" ที่นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะสามารถเดินทางเข้าสู่อียูได้ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของครม.เมื่อวานนี้ เป็นภาพรวมของกลุ่มท่องเที่ยว ราคาหุ้นกลุ่มอิงท่องเที่ยววานนี้ ปรับตัวขึ้นมาจากข่าวนี้ ด้าน AOT แม้ผลประกอบการจะยังชะลอตัวจากเที่ยวบินและนักเดินทางที่ลดลงมากกว่าปกติ แต่เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ และอิงกับการเดินทาง คาดจะได้ประโยชน์ด้วย
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.50 บาท ต้อนรับการเปิดเทอมวันแรก รถไฟฟ้า MRT ผ่อนปรนมาตรการ social distancing โดยจะควบคุมความหนาแน่นในขบวนรถไม่เกิน 70% ผ่อนคลายจากเดิมที่กรณีเข้มงวดได้เพียง 25% และชั่วโมงเร่งด่วน 50% พร้อมคาดจำนวนผู้โดยสารเพิ่มจากปัจจุบัน 2.1 แสนเที่ยวคน/วัน เป็น 3 แสนเที่ยวคน/วันในเดือน ก.ค. และน่าจะใช้เวลาอีก 3 เดือนฟื้นสู่ปกติที่ 4 แสนเที่ยวคน/วัน นอกจากนี้ ลุ้นประมูลรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกและเดินรถตลอดสาย มูลค่างานกว่า 1.1 แสนลบ. เดือน ก.ย. นี้ (ขายซอง 10-24 ก.ค.) เพราะมีส่วนของงานใต้ดินเป็นหลัก
- AAV (เคจีไอ) เป้า Consensus 2.08 บาท/สูงสุด 3.90 บาท) รับอานิสงส์ Sentiment บวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาครัฐฯ โครงการ "เราไปเที่ยวกัน" อุดหนุนค่าตั๋วเครื่องบิน + ค่าที่พัก และภาวะการแข่งขันอุตสาหกรรมการบินลดลงมาก ทำให้ปัจจัยกดดันเรื่องการลดค่าตั๋วฯ ลดลงหลังจากนี้ พร้อมประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด ใน Q2/63 ขณะที่ PBV ต่ำเพียง 0.56 เท่า