นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ ภายใต้โครงการออกตราสารหนี้ (MTN Program) ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุน เงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด มียอดจองหุ้นกู้เข้ามามากกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท หรือ 4.2 เท่าของมูลค่าเสนอขาย 1.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ปตท.เพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Exercise Greenshoe) อีก 5 พันล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อปตท.
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ประกอบด้วย หุ้นกู้จำนวน 5 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 2 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี และ 25 ปี ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 1.21% 2.05% 2.84% 3.20% และ 3.74% ต่อปี ตามลำดับ มีนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองซื้อครอบคลุมทุกประเภท อาทิ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันชีวิต กลุ่มสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมถึงบุคคลธรรมดา) และมีกำหนดการออกหุ้นกู้ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563
"การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของ ปตท. แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในครั้งนี้ เป็นจังหวะที่เหมาะสม หลังจากภาวะตลาดเริ่มกลับมาเอื้ออำนวย ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับนักลงทุนยังคงมองหาช่องทางการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีสถานะการเงินที่มั่นคง ทำให้หุ้นกู้ของ ปตท. ได้รับอัตราดอกเบี้ยและอายุหุ้นกู้ที่เหมาะสม โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่มีอายุยาวที่สุด 25 ปี ซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยเห็นหุ้นกู้ระยะยาวในตลาดมากนัก ซึ่งปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีมาก ดังนั้น การนำเสนอหุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นที่มีความหลากหลายของทั้งอายุหุ้นกู้และผลตอบแทน จึงเป็นโอกาสของ ปตท. ในการบริหารจัดการต้นทุนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวว่า แม้ว่า ปตท. จะห่างหายจากการออกหุ้นกู้มาตั้งแต่ปี 2558 แต่ ปตท. ยังคงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดียิ่งในการเสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA (tha) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดสำหรับตราสารหนี้ที่ออกในประเทศไทย และตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของสถานะการเงินของ ปตท.
สำหรับการจัดจำหน่ายครั้งนี้ มีธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย