นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศให้เครื่องบินขนส่งบุคคลสามารถบินเข้าประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการปฏิบัติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จึงได้ประสานการทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานราชการ สายการบินและผู้ปฏิบัติงานภายใน ทสภ. เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล เช่น การตั้งจุดคัดกรองของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ การจัดเตรียมพื้นที่ ตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบการตรวจหาสารคัดหลั่งทางพันธุกรรม (PCR) ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำถึงร้อยละ 95 ที่สามารถทราบผลตรวจได้ภายใน 90 นาที
ทสภ. ได้จัดเตรียมพื้นที่บริเวณ Gate D3 และ D4 ไว้เป็นห้องพักคอยสำหรับผู้โดยสารที่ต้องรอผลตรวจ ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดที่นั่งให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมทั้งมีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งน้ำดื่มไว้ให้บริการด้วย นอกจากนี้ ทสภ. ยังจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และให้คำแนะนำผู้โดยสารในการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม (ใบ ต.8) การโหลด Application ติดตามตัว รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วย
สำหรับผู้โดยสารชาวไทยยังคงต้องผ่านกระบวนการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ตามมาตรการของรัฐและเข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ (State Quarantine) เป็นระยะเวลา 14 วัน เช่นเดิม
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ทสภ. ได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและด้านสาธารณสุข โดยเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ทสภ. ได้มีการตั้งจุด Terminal Screening เพื่อตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย ผู้ที่จะผ่านเข้ามาในอาคารผู้โดยสารทุกคน และได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนต้องถือปฏิบัติตามวิถีชีวิตปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) เมื่ออยู่ภายในอาคารผู้โดยสารและพื้นที่ท่าอากาศยานอย่างเคร่งครัดโดยการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อลดความแออัด ในพื้นที่ให้บริการต่างๆ และกำหนดให้ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในอาคารผู้โดยสาร เพื่อเป็นการช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)
ทั้งนี้ จำนวนปริมาณผู้โดยสารเดือน มิ.ย.63 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 187,000 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศมีจำนวน 144,302 คน และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศมีจำนวน 42,698 คน จำนวนเที่ยวบินทั้งสิ้น 5,044 เที่ยวบิน สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศมีจำนวน 1,876 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศมีจำนวน 3,168 เที่ยวบิน