ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ที่ระดับ "AA-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท ของบริษัทที่ระดับ "AA-" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนของบริษัท
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ รวมถึงการมีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) ตลอดจนนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังของบริษัท
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสำคัญของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่รับผิดชอบด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดของกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับเงินกู้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นจากการซื้อกิจการของ บมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) อีกด้วย
ในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย เท่ากับ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมาจาก 2.3 พันล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้รายได้จากบริษัทโกลว์ พลังงานเต็มไตรมาสเป็นหลัก บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว 9.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 8.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นสุดปี 2562 ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 4.1 เท่า ปรับตัวดีขึ้นจาก 4.7 เท่า ณ สิ้นปี 2562
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทที่มีอยู่จะดำเนินงานไปด้วยความเรียบร้อยและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ตามประมาณการ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถลดอัตราส่วนการก่อหนี้ในโครงสร้างเงินทุนได้ตามแผนที่วางไว้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากการรวมธุรกิจกับ GLOW ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยตามที่วางแผนไว้ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่คาดการณ์ไว้หรือโครงสร้างเงินทุนอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากการก่อหนี้เพิ่มจำนวนมากเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่