นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ คล้ายคลึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ หลังจากที่ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 400 จุด เนื่องจากไม่มีตัวเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯประกาศในช่วงนี้ ทำให้ตลาดหันมาโฟกัสจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นจนสร้างความกังวลให้นักลงทุน และองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงมีการส่งสัญญาณที่อาจรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ยังอยู่
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลง 8.3% ในปีนี้ หลังจากที่เคยคาดการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจจะหดตัว 7.4% ในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดในยุโรปปรับตัวลงราว 1%
ส่วนบ้านเราช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน แต่ก็ยังต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ เนื่องจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)จะเสนอโครงการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด-19 จำนวน 212 โครงการ วงเงิน 8 หมื่นล้านบาทเข้าครม. รวมถึงติดตามว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเพิ่มอีกไหม อย่างมาตรการท่องเที่ยว, มาตรการช้อปช่วยชาติ เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับ 1,363 จุด ส่วนแนวต้าน 1,385 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,890.18 จุด ลดลง 396.85 จุด (-1.51%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,145.32 จุด ลดลง 34.40 จุด (-1.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,343.89 จุด ลดลง 89.76 จุด (-0.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 133.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 102.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.64 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.ค.63) 1,373.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด (+0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,418.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.ค.63) ปิดที่ 40.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.02%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.ค.) อยู่ที่ 0.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.30 อ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดจับตาสถานการณ์โควิดโลก-กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย
- "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี" เดินหน้าขยายลงทุน ต่อเนื่อง เผยปีนี้ใช้งบลงทุนแล้วกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ผ่าน 6 โครงการใหญ่ ล่าสุดอัดงบอีก 1.9 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม 464 เมกะวัตต์ในเยอรมนี หนุนกำไรเพิ่มปีละ 1.2-1.5 พันล้านบาท พร้อมศึกษาแผน เข้าลงทุนต่อเนื่องใน "เวียดนาม-ยุโรป-สหรัฐ" ย้ำเงินลงทุน ยังเหลืออื้อ เหตุตั้งงบไว้กว่า 4-5 หมื่นล้านบาท พร้อมปรับเป้ารายได้ปี 64 เพิ่มแตะ 5.6 หมื่นล้าน
- สรท.หั่นส่งออกปีนี้ ติดลบ 10% ชี้ ครึ่งปีหลังติดลบทุกเดือน หวั่นปัญหาผู้นำเข้าเบี้ยวหนี้ แนะทำสัญญาให้ผู้นำเข้าเปิดแอล/ซี ชำระค่าสินค้าก่อนส่งมอบ ซื้อประกันส่งออก พร้อมหนังสือถึงนายกฯ แก้เงินบาทแข็งค่า
- สภาพัฒน์ชง 212 โครงการ วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท ฟื้นฟู ศก.ฐานรากเข้า ครม.วันนี้
- แบงก์พาณิชย์-นอนแบงก์ สนองนโยบาย ธปท. ออกมาตรการช่วยเหลือ ลูกหนี้ 'เฟส 2' ทั้งการลดเพดานดอกเบี้ยขยายเวลาชำระ หวังช่วยลดภาระให้ลูกค้า โดย "กรุงศรีคอนซูมเมอร์" ยืดหนี้ยาว 90 เดือน ด้าน "แบงก์กรุงเทพ" ลดดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปครอบคลุมสินเชื่อเกือบทุกประเภท "กสิกร" พักเงินต้น จ่ายแค่ดอกเบี้ย 6 เดือน
- คลังลุ้นมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เข็นเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ 5 หมื่นล้านบาท ช่วยบูมจีดีพีปีนี้โตเพิ่ม 0.3% จ่อผ่อนผันให้โรงแรมไม่มีใบอนุญาตเข้าร่วมโครงการได้ เล็งออกมาตรการเสริมกระตุ้นคนไทยเที่ยววันธรรมดาด้วย
- FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น 4% คาดหวังเศรษฐกิจในประเทศเติบโตเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด แต่กังวลงบ บจ.ไตรมาส 2 ปี 2563 ฉุดความเชื่อมั่นมากที่สุด
*หุ้นเด่นวันนี้
- DELTA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 62 บาท ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า ระยะกลางถึงยาวมี Growth story จากความต้องการพาวเวอร์ซับพลายสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ และรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นจากการมาของเทคโนโลยี 5G (DELTA เป็นผู้ผลิต Power supply รายใหญ่)
- TKN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท คาดกำไร Q2/63 +12% Q-Q, -3% Y-Y เป็น 95 ลบ.เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ การ Reopen ของจีนทำให้ Orion กลับเข้าไปทำตลาดได้และมียอดส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทเน้นลดรายจ่ายอย่างหนัก ล่าสุดรายได้ส่งออกไปจีนเริ่มขยับขึ้นใกล้ระดับปกติ และเริ่มรุกตลาดอื่นเช่น เกาหลีใต้ รัสเซีย และอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรใหม่ขยายตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมคาดกำไรปกติ 2563-2564 +16% Y-Y และ 29% Y-Y ตามลำดับ เริ่มรับรู้ต้นทุนสาหร่ายล็อตใหม่ที่ถูกลงเต็มไตรมาสตั้งแต่ Q3/63 เป็นต้นไป