TMB ยอมรับมีโอกาสตั้งสำรองเพิ่มใน H2, ปรับโครงสร้างเงินฝากเพิ่มสเปรด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 27, 2007 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย(TMB) ยอมรับว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารมีโอกาสที่จะต้องปรับการจัดชั้นลูกหนี้และตั้งสำรองเพิ่มตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่เข้มงวดมากขึ้น เพราะธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มทุนจดทะเบียน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับธนาคารค่อนข้างมาก ทำให้ธปท.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ดังนั้น จึงประเมินได้ยากว่าแนวโน้มหนี้ด้อยคุณภาพของธนาคารจะเป็นอย่างไร 
"แนวโน้มเอ็นพีแอลพูดได้ยากเพราะขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ และเกณฑ์จัดชั้นลูกหนี้ของแบงก์ชาติ"นายสุภัค กล่าว
ในช่วงไตรมาส 2/50 ธนาคารจะมีผลประกอบการขาดทุนจากผลของการตั้งสำรองลูกหนี้ด้อยคุณภาพ แม้ว่าการดำเนินงานปกติจะมีกำไรสูงขึ้นจากไตรมาส 1/50 ที่มีกำไร 1.8 พันล้านบาท มาอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท แต่ปรากฎว่างบการเงินแสดงผลขาดทุนกว่า 6.13 พันล้านบาท
สาเหตุที่ต้องสำรองเพิ่มขึ้น เนื่องจากการจัดชั้นหนี้ใหม่ทำให้หนี้ด้อยคุณภาพ(NPL)ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด Gross NPL ปรับเพิ่มมาเป็น 13% และ NPL ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้าไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว และลูกหนี้ส่วนหนึ่งที่ถูกจัดชั้นในเชิงคุณภาพ คือเป็นลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย แต่มีความไม่แน่นอนในการดำเนินธุรกิจ
ขณะที่ NPL ประเภท Re-entry มีค่อนข้างน้อย โดยมีลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวที่ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ ซึ่งมีมูลหนี้หลายร้อยล้านบาท
ส่วนลูกค้าในกลุ่มผู้ส่งออก ที่ปัจจุบันมีอยู่ 8-10% ในพอร์ตสินเชื่อรวม หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทบ้าง แต่ลูกค้าในธุรกิจสิ่งทอไม่มี NPL เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำธุรกิจครบวงจรและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้
นายสุภัค กล่าวถึงหนี้ของกลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้งที่มีมูลหนี้หลายร้อยล้านบาทว่า ธนาคารได้ตั้งสำรองไว้แล้ว แต่ลูกหนี้รายนี้เป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกันคุ้ม คือ มีทั้งโรงสีและโกดัง
*มุ่งหน้าปรับโครงสร้างลูกค้าเงินฝากลดต้นทุน-เพิ่มสเปรดดอกเบี้ย
นายสุภัค กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์ให้เพิ่มสัดส่วนเป็น 40% ของพอร์ตเงินฝากรวม จากที่อยู่ในระดับ 34% ในปัจจุบัน เพราะช่วงที่ผ่านมาได้ทยอยลดต้นทุนเงินฝากลง เนื่องจากสเปรดดอกเบี้ยของธนาคารค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าสเปรดในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 2.7% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นผลจากการทยอยปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และการขยายฐานเงินฝากออมทรัพย์ รวมถึงการขยายสินเชื่อในกลุ่มรายย่อยและเอสเอ็มอีมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี
พร้อมกันนั้น ในปีนี้ธนาคารยังตั้งเป้ารักษาระดับอัตราการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ 20% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยธนาคารสามารถรักษาระดับการเติบโตดังกล่าวได้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดธนาคารประสบความสำเร็จในการนำเสนอขายกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านสาขาธนาคารที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี โดยขณะนี้มียอดขายกรมธรรม์แล้ว 2-3 หมื่นฉบับ
และในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายบริการ booth exchange และเพิ่มจำนวนตู้เอทีเอ็ม ซึ่งขณะนี้มีจำนวนเพิ่มเป็น 1,700 ตู้ จากปีก่อนมีจำนวน 700-800 ตู้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ