นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) คาดว่าในปี 51 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 หมื่นล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากบริษัทลูก คือ บริษัท ไทยโอลิโอเคมี จำกัด จำนวนประมาณ 8 พันล้านบาท และบริษัทจะมีกำลังการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นหลังปรับปรุงการผลิตในช่วงปี 50 ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3-4 ปี 50 ทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 5 หมื่นตันต่อปี
"ปีนี้จากเดิมที่เราคาดว่ารายได้จะปรับตัวลดลงจากปี 49 ประมาณ 2-3% หลังจาก shutdown โรงงานผลิตโอเลฟินส์ 2 โรง กำลังการผลิตหายไป 1 แสนตันในปีนี้ แต่จากราคาโอเลฟินส์ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบการการ Debottleneck ทำให้กำลังการผลิตเราเพิ่มขึ้น 5 หมื่นตันต่อปี แต่ต้องรอดูว่ากำลังการผลิตจะเข้ามาในไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ทำให้เรามั่นใจเพิ่มมากขึ้นว่ารายได้จะกลับมาใกล้เคียงกับปีก่อนได้" นายอดิเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 บริษัทมีแผนปิดซ่อมโรงงานผลิตโอเลฟินส์ โรงที่ 1 ส่วนที่ 2 ระยะเวลา 1 เดือนในพ.ย.51 แต่ส่วนนี้จะทำให้กำลังการผลิตหายไปไม่มาก ไม่เหมือนปีนี้ ที่กำลังการผลิตทั้งปีปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยวอลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 1.47 ล้านตัน/ปี จากปีก่อนที่ผลิตได้ 1.57 ล้านตัน/ปี และในปี 51 คาดว่าวอลุ่มเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.70 ล้านตัน/ปี
นายพิศาล กล่าวยอมรับว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/50 ไม่ดีเท่าที่คาด เนื่องจากบริษัทมีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในปีนี้ เป็นเวลา 1 เดือน แต่สเปรดในไตรมาส 2/50 ยังเฉลี่ยอยู่ที่ 600 เหรียญต่อตัน และในไตรมาส 3/50 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาสเปรดปรับขึ้นมาเฉลี่ยที่ 700 เหรียญต่อตัน ซึ่งชดเชยกับราคาเอทิลีนที่ปรับตัวลดลง ขณะที่เม็ดพลาสติกมีราคาปรับเพิ่มขึ้น ส่วนแนฟทาที่เป็นวัตถุดิบราคายังคงผันผวนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
"ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาทจะทำให้กำไรของ PTTCH หายไป 200 ล้านบาท แต่บริษัทมีเงินลงทุน 8 หมื่นล้านบาทที่แบ่งเป็นการใช้เงินสกุลดอลลาร์ถึง 60% ทำให้ที่สุดแล้ว บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนให้เอกชนรายใหญ่ลงทุนวัตถุดิบ เครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะช่วยลดปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าได้ " นายพิศาลกล่าว
**ออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท 1 หมื่นลบ.ในQ3/50 ขายสถาบัน
สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า บริษัทจะลงทุนอีกประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนออกหุ้นกู้จำนวน 2.5-2.6 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้จะเสนอและออกขายหุ้นกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/50 โดยจะออกเป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาท ซึ่งรอจังหวะให้ทางการประกาศลดดอกเบี้ย
"ผมก็รอให้แบงก์ชาติประกาศอัตราดอกเบี้ยรอบนี้(18 ก.ค.) ก่อน หากลดลง 0.25% ก็จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทได้ปีละ 25 ล้านบาท แต่ถ้าไม่ดลดดอกเบี้ยก็จะรอดูจังหวะที่เหมาะสม" นายพิศาลกล่าว
ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ล็อตนี้จำนวน 1 หมื่นล้านบาทจะแบ่งเป็น 3 ชุด อาจจะแบ่งเป็นอายุหุ้นกู้ 3 ปี, 5 ปี และ 7 ปี หรืออาจจะเป็น 5 ปี , 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งบริษัทกำลังพิจารณา ทั่งนี้จะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน
ส่วนที่เหลืออีก 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะออกเป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาท หรือสกุลเงินดอลลาร์
**บ.ย่อยทำสัญญาซื้อน้ำมันปาล์ม 1 แสนตัน/ปี กับ 4 ผู้ผลิต
ด้านนายคงกระพัน อินทรแจ้ง รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอลิโอเคมี จำกัด ซึ่ง PTTCH ถือ 100% กล่าวว่า บริษัทต้องการวัตถุดิบที่เป็นน้ำมันปาล์ม ในการผลิตสินค้าแฟตตี้ แอลกอฮอล์ ปีละประมาณ 3 แสนตัน โดยการเซ็นสัญญาวันนี้ได้ทำการตกลงซื้อขายน้ำมันปาล์มจากผู้ผลิต 4 ราย จำนวน 1 แสนตัน/ปีกับ บมจ.ล่ำสูง(ประเทศไทย) หรือ LST , บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC)และ บมจ.ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (CPI) และบริษัท ปาล์มบิช จำกัด
และที่เหลือ อีก 2 แสนตันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับ บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม(UVAN) และ นำเข้าเองด้วย โดยคาดว่าจะนำเข้าจากอินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--