ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุค่าเงินบาทและหุ้นยังคงแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี หลังจากเงินทุนไหลเข้า และทั่วโลกกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง พร้อมคาดสัปดาห์หน้าทั้งเงินบาทและหุ้นไทยอาจจะสร้างสถิติสูงสุดอีก
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า ในสัปดาห์หน้า (16-20 กก.ค.50) คาดเงินบาทในประเทศอาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.10-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยที่ควรจับตาคือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 18 ก.ค.นี้ สัญญาณของการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ แรงเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ส่งออก การเข้าแทรกแซงตลาด และการออกมาตรการอื่น ๆ ของ ธปท. เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ตลอดจนผลการหารือประเด็นการแข็งค่าของเงินบาทระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนอีกด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังควรจับตาทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่สำคัญหลายตัว อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายน ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิในเดือนพฤษภาคม และบันทึกการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 27-28 มิ.ย. ขณะที่ความกังวลต่อปัญหาตลาดจำนองสำหรับผู้กู้ยืมที่มีความน่าเชื่อถือต่ำอาจยังคงเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ทั่วโลกเป็นกังวลเรื่องเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง เนื่องมีปัญหาตลาดจำนองสำหรับผู้กู้ยืมที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ หรือซับไพร์ม ของสหรัฐ หลังบริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดซับไพร์มมูลค่า 12,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ในสัปดาห์นี้(9-13 ก.ค.) เงินบาทในประเทศ (Onshore) แข็งค่าผ่านแนวต้านสำคัญหลายระดับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ส่งออก การเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ และความอ่อนแอของเงินดอลลาร์สหรัฐ
และเมื่อวันศุกร์ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.315 เทียบกับระดับปิดในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ก.ค.) ที่ 33.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ส่งออกได้ชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์
ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงพุ่งขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 10 ปี โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 10,800 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 9,310 ล้านบาท และ 621 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 859.14 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากระดับปิดที่ 832.38 จุด ในสัปดาห์ก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 จากสิ้นปีก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 จาก 175,586.13 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 179,222.40 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มจาก 35,117.23 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 35,844.48 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 237.46 จุด ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.7 จาก 235.73 จุด ในสัปดาห์ก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 จากสิ้นปีก่อน
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า (16-20 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เงินทุนไหลน่าจะยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการปรับตัวของดัชนีได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีอาจเริ่มจะเผชิญกับความเสี่ยงจากการปรับฐานและการสลับกลุ่มซื้อขายเป็นระยะ ๆ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่นักลงทุนคงจะให้ความสนใจการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันพุธ ทิศทางของค่าเงินบาทและการดำเนินการเพิ่มเติมในการดูแลค่าเงินจากทางการ การปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก และอาจเริ่มมีการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2550 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ ทางบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 837 และ 857 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 861 และ 897 จุด ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--