นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการสายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขาย Term Fund Plus กองแรกภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ฟิกซ์เดท เอเชียน บอนด์ 2021A (KAB21A) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกองทุนชูโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า Term Fund ทั่วไป ส่งผลให้มียอดจองซื้อเข้ามาเต็มจำนวนเงินทุนของโครงการและปิดการขายภายในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,780 ล้านบาท(ข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ค. 63)
ดังนั้น บลจ.กสิกรไทย จึงเปิดเสนอขาย Term Fund Plus กองถัดไปภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2021A (KFF21A) ในระหว่างวันที่ 10-16 ก.ค.63 คาดหวังผลตอบแทนที่ 1.4% ต่อปี - 1.6% ต่อปี
กองทุน KFF21A ใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างบลจ.กสิกกรไทย และ Invesco Hong Kong โดยมอบหมายให้ Invesco Hong Kong รับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย รวมถึง High Yield Bond บางส่วน ผ่านกองทุนหลัก Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2021 - I, Class C(USD)-Acc ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 70% ของพอร์ต
ส่วน บลจ.กสิกรไทย จะรับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในเงินฝากต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30%ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงอันอาจเกิดจากความผันผวน
"ตราสารหนี้เอเชียยังคงมีความน่าสนใจจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้เอเชียถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะตราสารหนี้ในระดับ Investment Grade ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเนื่องจากผู้ออกเป็นรัฐวิสาหกิจจึงมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำ"นายนาวิน กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในระยะยาวโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีและนำประเทศอื่นเนื่องจากจีนเปิดประเทศก่อนรวมถึงการเปิดตลาดทุนของจีนให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนยังต้องจับตาประเด็นความขัดแย้งกับสหรัฐฯ และประเด็นจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ โดยคาดว่าจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นเนื่องจากมีประสบการณ์และมีระบบการติดตามเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการสั่งการที่รวดเร็ว
นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KFF21A เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปีได้ และมองเห็นโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากต่างประเทศภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำ โดยสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App KPLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเคตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF)ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง