นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในทิศทางซึมลง คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบกัน จากปัจจัยกดดันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นมาเฉียด 1,000 คน/วัน สูงสุดในรอบ 1 เดือน ทำให้วิตกมาตรการคลายล็อกดาวน์และการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะไม่ต่อเนื่อง อาจส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสะดุดได้
ส่วนบ้านเราก็เริ่มมีปัจจัยการเมืองที่จะต้องติดตามดูหลังจากที่ 4 กุมาร ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็จะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้มากแค่ไหน
อย่างไรก็ดีสัปดาห์หน้าให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์, กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะหารือในเรื่องการลดกำลังการผลิต ซึ่งจะครบอายุข้อตกลงในสิ้นเดือนนี้, ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
พร้อมให้แนวรับ 1,350-1,355 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370-1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.09 จุด ลดลง 361.19 จุด (-1.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,152.05 จุด ลดลง 17.89 จุด (-0.56%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,547.75 จุด เพิ่มขึ้น 55.25 จุด (+0.53%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 5.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 31.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 278.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 57.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.33 จุด
ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเลือกตั้ง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ค.63) 1,365.81 จุด เพิ่มขึ้น 3.35 จุด (+0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,229.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ค.63) ปิดที่ 39.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 3.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ค.) อยู่ที่ 0.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.28 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 31.20-31.35
- ดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการขยับขึ้นครั้งแรกรอบ 14 เดือน แตะ 31.5 ย้ำยังเป็นระดับน่าเป็นห่วง ด้าน "เอกชน" จี้รัฐ เร่งใส่งบฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 3 หวังช่วยดัน "จีดีพี" เพิ่มอีก 1% ขณะ "คลัง" มั่นใจเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุด สะท้อนดัชนีความเชื่อมั่นหลายภาคส่วนที่เริ่มขยับขึ้น
- "ชาญศิลป์" เปิดเวทีแจงพนักงาน ความคืบหน้าฟื้นฟูกิจการบมจ.การบินไทย (THAI) จ่อสรุปแผนใน 2-3 สัปดาห์ รับปากเร่งแก้ทุกปัญหาหลังศาลนัดไต่สวน 17 ส.ค.นี้ เซ็นคำสั่งรื้อผู้บริหารระดับสูง ตั้งคณะทำงาน Survival Team ทำแผนธุรกิจระยะเร่งด่วน 4 เดือน พนักงานมั่นใจฝีมือรักษาการดีดี
- "ไทยบีเอ็มเอ" เผยความเชื่อมั่นตลาดหุ้นกู้เอกชนฟื้นชัด หลังยอดขายเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ มั่นใจช่วงที่เหลือของปีไม่มีเบี้ยวหนี้เพิ่ม พร้อมประเมินยอดออกหุ้นกู้ใหม่ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท คาดครึ่งปีหลังจ่อระดมทุนอีกเพียบ ส่วน "ทุนนอก" เริ่มไหลกลับ ต้น ก.ค. ซื้อสุทธิแล้ว 1.17 หมื่นล้านบาท
- เม็ดเงินลงทุนต่างชาติเดือน มิ.ย. ไหลเข้ากลุ่มธนาคารมากสุด 1.38 พันล้านบาท หุ้น "ทิสโก้" อันดับหนึ่งซื้อสุทธิในเอ็นวีดีอาร์ แต่โบรกชี้ภาพเปลี่ยนหลังแบงก์งดจ่ายปันผลระหว่างกาล ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังน่ากังวล
- กนอ.หนุนสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 2,000 เมกะวัตต์ หวังแก้ปัญหาขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้าน "บ้านปูเน็กซ์" ชวนคนไทยช่วยผู้ประกอบการลดค่าไฟ แนะติดโซลาร์ รับฟรีเริ่มต้น 100,000 บาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- UREKA-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 295,381,326 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (30 มิถุนายน 2563) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2563 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 29 มิ.ย. 2566
- DELTA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 62 บาท ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า ระยะกลางถึงยาวมี Growth story จากความต้องการพาวเวอร์ซับพลายสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ และ รถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นจากการมาของเทคโนโลยี 5G (DELTA เป็นผู้ผลิต Power supply รายใหญ่)
- TASCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 29 บาท ได้ประโยชน์จากหลายปัจจัย 1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลัก 2. ตลาดในประเทศมีความต้องการสูงหลังจากงบประมาณปีนี้จัดสรรแล้ว 3. ยางมะตอยขาดแคลนเพราะโรงกลั่นผลิตน้อยลง ทำให้ราคายางมะตอยสูงขึ้นต่อเนื่อง และ 4. ต้นทุนน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ พร้อมคาด Q2/63 พลิกเป็นกำไรสุทธิ (รวม stock gain) 1.45 พันล้านบาท และโดดเด่นต่อใน H2/63 กำไรทั้งปี 2563 ถูกฉุดด้วยผลขาดทุนใน Q1/63 แต่จะกลับสู่ปกติในปี 2564 ที่ 2.95 พันล้านบาท ปัจจุบันมี 2564PE 13.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 15 เท่า