นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้อยู่ในช่วงของการกลับมาฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 146.66 ล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถพลิกมีกำไรสุทธิได้ในปีนี้ หลังจากเริ่มเห็นผลกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/63 ที่ 9.5 แสนบาท ขณะที่ปีนี้ยังจะรับรู้รายได้จากการเข้าลงทุน 51% ในบริษัท เบลี่ เซอร์วิส จำกัด ที่มีสัญญาการซ่อมบำรุงรถยนต์โดยสารปรับอากาศระยะยาว ขณะเดียวกันจะมีเงินทุนเข้ามาเสริม หลังที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2563 ในวันนี้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทได้มากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าจะผลักดันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) แตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 64 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 2.84 พันล้านบาท เนื่องจากฐานทุนและกระแสเงินสดของบริษัทที่ขยายใหญ่ขึ้นจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำเงินไปลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดการเติบโตของธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NEX วันนี้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.9 พันล้านบาท จากเดิม 827.83 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 1.07 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 3 ราย ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 2.35 พันล้านบาท ได้แก่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จำนวนไม่เกิน 670 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท 40.01% , นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา จำนวน 300 ล้านหุ้น ทำให้ถือหุ้นในบริษัทเพิ่มเป็น 19.29% จากเดิม 3.80% และนายบุญเอื้อ จิตรถนอม จำนวน 100 ล้านหุ้น ทำให้ถือหุ้นในบริษัทเพิ่มเป็น 6.24% จาก 0.75%
นายคณิสสร์ กล่าวอีกว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ไปขยายธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์โดยสาร โดยจะต่อยอดธุรกิจกับ EA ที่เป็นผู้พัฒนาแบตเตอรี่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ก็จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ที่เบื้องต้นมีแผนต่อยอดในส่วนของการผลิต ประกอบ และบำรุงรักษารถโดยสารจากพลังงานไฟฟ้า จากปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในส่วนของการผลิตชิ้นส่วน
ล่าสุด บริษัทเตรียมเข้าซื้อหุ้น 51% ในบริษัท เบลี่ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 500 คัน ให้กับ บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด โดยมีสัญญา 14 ปี อีกทั้งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการ ผู้ประกอบรถโดยสาร คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการภายในปีนี้ เพื่อผลักดันให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการรถโดยสารแบบครบวงจรตามที่คาดหวัง
"การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทมีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน จะช่วยเข้ามาหนุนการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจร จากปัจจุบันที่บริษัทมีธุรกิจในส่วนของการขายชิ้นส่วนยานยนต์ และการซ่อมบำรุง จะขาดก็เพียงการประกอบรถ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของกิจการที่จะเข้าซื้อ และคาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้"นายคณิสสร์ กล่าว
นายคณิสสร์ กล่าวว่า สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยสารในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผู้ประกอบการหลาย ๆ รายจะตระหนักถึงการลดต้นทุนมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของบริษัทหากสามารถพัฒนารถยนต์โดยสารจากพลังงานไฟฟ้าได้ ก็จะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้ค่อนข้างมาก