แหล่งข่าวจาก บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อ 17 มิ.ย.มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาในการปรับปรุง ตกแต่งพื้นที่ และการประกอบกิจการของสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ,ท่าอากาศยานภูเก็ต,ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ,ท่าอากาศยานหาดใหญ่ให้กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ( KPD)
และขยายระยะเวลาในการปรับปรุง ตกแต่งพื้นที่ และการประกอบกิจการของสัญญาอนุญาตให้ประกอบการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19)
โดยทั้ง 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาดิวตี้ฟรี สนามบินสุวรรณภูมิ สัญญาดิวตี้ฟรี สนามบินภูเก็ต,เชียงใหม่,หาดใหญ่ และสัญญาบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะมีการขยายเวลาของขั้นตอนการการปรับปรุง ตกแต่งพื้นที่ ที่กำหนดไว้เดิมในระยะที่ 1 ออกไปอีก 1 ปี เป็นตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.63- วันที่ 31 มี.ค.65 และเลื่อนระยะเวลาการเริ่มต้นและสิ้นสุดการประกอบการที่กำหนดไว้ในระยะที่ 2 เป็นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65- 31 มี.ค.75
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในส่วนสนามบินสุวรรณภูมินั้น หาก ทอท.เปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4 ) อย่างเป็นทางการเมื่อใด ทางคิงเพาเวอร์จะต้องจัดให้มีร้านค้าให้บริการผู้โดยสารอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.62 ทอท.ได้ลงนาม กับกลุ่มคิงเพาเวอร์ในสัญญาให้สิทธิเอกชนประกอบกิจการ จำนวน 3 สัญญา โดยแต่ละสัญญา มีอายุ 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 28 ก.ย. 63 ถึง 31 มี.ค.74 โดยมีวงเงินผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) รวมกันปีแรกที่มีมูลค่ารวม 23,548 ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาดิวตี้ฟรี ที่สุวรรณภูมิ วงเงินผลตอบแทนขั้นต่ำปีแรก15,419 ล้านบาท , สัญญาดิวตี้ฟรี ภูเก็ต,หาดใหญ่, เชียงใหม่ วงเงินผลตอบแทนขั้นต่ำปีแรก 2,331 ล้านบาท และ สัญญาเชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิ วงเงินผลตอบแทนขั้นต่ำปีแรก 5,798 ล้านบาท
แหล่งข่าว ยังกล่าวอีกว่า จากเดิม AOT วางแผนเร่งส่งมอบพื้นที่ให้คิงเพาเวอร์ดำเนินการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่ร้านค้าพร้อมบริการตามสัญญาวันที่ 28 ก.ย. 63 ดังนั้น การเลื่อนนับเริ่มต้นสัญญาออกไปเป็น 1 เม.ย. 65 เท่ากับเลื่อนจ่ายผลตอบแทนสัญญาสัมปทานออกไปด้วย