(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามตปท. จากคาดหวังความคืบหน้ายาต้านโควิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 13, 2020 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่ปิดในแดนบวกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีความคืบหน้ายาต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความคาดหวังขึ้น โดย Gilead ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของสหรัฐเปิดเผยว่า จากผลการทดลองพบว่ายา remdesivir ของ Gilead สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถึง 62% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน

อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยที่จะต้องติดตาม ทั้งเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในไทย และสหรัฐฯ โดยเริ่มที่กลุ่มสถาบันการเงินก่อน, ติดตามการประชุมธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ก.ค.นี้, การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ก.ค., การประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/63 ของจีนในวันที่ 16 ก.ค. และการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่จะหารือยืดระยะเวลาการลดกำลังการผลิต ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 ก.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,350-1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360-1,370 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,075.3 จุด พุ่งขึ้น 369.21 จุด (+1.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,185.04 จุด เพิ่มขึ้น 32.99 จุด (+1.05%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,617.44 จุด เพิ่มขึ้น 69.69 จุด (+0.66%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 301.00 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 121.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 35.93 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 20.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.56 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 9.60 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ค.63) 1,350.50 จุด ลดลง 15.31 จุด (-1.12%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,171.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.ค.63) ปิดที่ 40.55 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.4%
  • ตลาดสิงคโปร์ปิดทำการ (10 ก.ค.) เนื่องในวันเลือกตั้ง ส่งผลให้ไม่มีรายงานค่าการกลั่น
  • เงินบาทเปิด 31.29 ตลาดจับตาสถานการณ์โควิด-ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่หากปรับครม.
  • ส.อ.ท.เผยผลสำรวจการจ้างงาน หลังโควิด-19 จากสมาชิก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม กว่า 55.6% ยังคงการจ้างงานเท่าเดิม ขณะที่ 14 กลุ่มอุตสาหกรรม หรือ 31% จ้างงานลดลง โดยอุตสาหกรรมดิจิทัล ยืนหนึ่งจ้างงานเพิ่ม และนายจ้าง มุ่งเน้นลดขนาดองค์กร และนำเทคโนโลยีมาใช้มากสุด คิดเป็น 32.2%
  • รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมขยายการพัฒนาระบบชำระเงินใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (เซ็นทรัล แบงก์ ดิจิทัล เคอเรนซี่) หรือซีบีดีซี ไปสู่ภาคประชาชน ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนกับใช้เงินสดหรือธนบัตร แต่อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลและสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย หลังจากธปท.ได้ประกาศโครงการต้นแบบการใช้สกุลเงินดิจิทัลนี้กับภาคธุรกิจเอกชน จะเริ่มทดสอบในเดือน ก.ค.นี้
  • นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของวิกฤติโควิด-19 เป็นเรื่องคาดเดาได้ยากว่าจะจบออกแบบไหน ซึ่งคาดการณ์ประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นานประมาณ 2 ปี จากผลกระทบที่เกิดขึ้น แม้หนักแต่แนวโน้มดีกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ภาคการเงินล้มละลาย นาน 5 ปี กว่าจะฟื้นตัว
  • "สุริยะ"ให้การบ้านอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมในภูมิภาค รองรับวิถีชีวิตใหม่ เร่งฟื้นฟู ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อย ทั้งส่งเสริมกลุ่มคนว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานคนในพื้นที่ แก้ปัญหาว่างงานล้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • DELTA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 80 บาท แนวโน้มกำไร Q2/63 ดูดีกว่าที่เคยคาด น่าจะ +35% Q-Q, +33% Y-Y เป็น 1.16 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส สินค้ากลุ่ม Data center (25% ของรายได้รวม) ซึ่งมีมาร์จิ้นดี ขายดี จากการเติบโตสูงของธุรกิจที่เกี่ยวกับ Cloud computing แนวโน้มดีต่อเนื่องใน H2/63 เริ่มมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าของลูกค้ากลุ่ม EV car (10% ของรายได้รวม) ส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากช่วงก่อนหน้า พร้อมปรับกำไรปี 2563-64 ขึ้น 20-25% เป็นเติบโต 32% และ 36% ตามลำดับ สูงกว่ากลุ่ม
  • COM7 (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 37.00 บาท โดย COM7 เป็นตัวแทนขายสินค้าด้านไอทีรายใหญ่ ผ่านร้าน Banana และการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Apple ซึ่งเป็นที่ต้องการในช่วงที่ต้องทำงานหรือเรียนผ่านระบบ online ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินกำไรปกติ Q2/63 ที่ 160 ล้านบาท (-46% YoY, -44% QoQ) และ COM7 ยังมีแนวโน้มธุรกิจที่ดีต่อเนื่องใน H2/63 และ 2564 จากการทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Flagship, การซื้ออุปกรณ์สินค้าไอทีเพื่อรองรับ 5G และสินค้า IoT ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งตลาดสินค้า IoT ในประเทศไทยมีการอัตราการขยายตัวที่สูงเฉลี่ยมากกว่าปีละ 27% ในช่วงปี 2561-2573

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ