ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,362.54 จุด เพิ่มขึ้น 12.04 จุด (+0.89%) มูลค่าการซื้อขายราว 26,688 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,363.82 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,355.56 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตามคาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยมีความคาดหวังจากความคืบหน้ายาต้านไวรัสโควิด-19 หลัง Gilead ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของสหรัฐเปิดเผยว่า จากผลการทดลองพบว่ายา remdesivir ของ Gilead สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถึง 62% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน ทำให้มีการมองข้ามเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อหุ้นปรับขึ้นไปก็มีแรงขายทำกำไรออกมาระหว่างทางเช่นกัน เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ยังต้องติดตามและเป็นความเสี่ยงของตลาดฯด้วยเช่นกัน อย่างเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในไทย และสหรัฐฯ โดยเริ่มที่กลุ่มแบงก์ก่อน รวมถึงติดตามการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก็ให้รอดูว่าทีมเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ และจีน ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ อย่างตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/63 ของจีน, ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และยอดค้าปลีกทั้งของจีนและสหรัฐฯ เป็นต้น รวมทั้งให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ก.ค.นี้ และติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,355-1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,365 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STGT มูลค่าการซื้อขาย 1,727.41 ล้านบาท ปิดที่ 79.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,006.43 ล้านบาท ปิดที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 751.01 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท PTL มูลค่าการซื้อขาย 722.22 ล้านบาท ปิดที่ 21.60 บาท ลดลง 1.30 บาท AOT มูลค่าการซื้อขาย 690.85 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท