ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากตลาดสหรัฐ 35% กลุ่มสหภาพยุโรป 30% ประเทศไทย 15% ประเทศญี่ปุ่น 10% และอื่น ๆ 10% โดยกลุ่มประเทศหลักยังคงออกมาใช้ชีวิตตามปกติ เพราะมองว่าโควิด-19 เป็นเพียงโรคชนิดหนึ่ง จึงไม่ได้ตื่นตระหนกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นมากนัก ขณะที่บางส่วนอาจปรับมาทำงานแบบ Work from Home ก็จะหันมาทำอาหารเองที่บ้านมากขึ้น จึงยังเป็นปัจจัยหนุนยอดขายสินค้าของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และมองว่ายังจะหนุนการเติบโตในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วย "มุมมองของต่างชาติคือโควิด-19 เป็นเพียงโรคโรคหนึ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีมาตรการที่เข้มงวดเหมือนกับประเทศไทย และในต่างประเทศเองมองว่าหากไม่ใช้ชีวิตปกติจะมีผลกระทบมากกว่า ทำให้ถึงแม้ว่าจะกังวลกับโรคแต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นการเดินทาง ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเป็นการทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำอาหารกินเองมากขึ้น ให้อาหารสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้สัญญาณคำสั่งซื้อของลูกค้ายังเติบโตต่อเนื่อง"นางสาววรัญรัชต์ กล่าว
นางสาววรัญรัชต์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวจีนระงับนำเข้ากุ้งแช่แข็งจากเอกวาดอร์ หลังพบเชื้อโควิด-19 นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับลดการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มแช่เยือกแข็งจากกุ้งต้มไปแล้ว ขณะเดียวกันสัดส่วนของตลาดจีนก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อยด้วย "เรามองไม่ออกมาว่าจะดีหรือไม่ดีกับข่าวจีนระงับนำเข้ากุ้งเอกวาดอร์ เพราะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือกุ้งต้มที่เราทำน้อยลงแล้ว เราหันมาทำของทอดที่ได้มาร์จิ้นดีกว่า สามารถแข่งขันได้ด้วย สัดส่วนตลาดจีนเองเราก็น้อยมาก นับเป็นเปอร์เซ็นต์ยังน้อยเลย แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังพยายามเจาะตลาดจีนอยู่ ตอนนี้เรามีทีมศึกษาติดตามสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดจีนก็เป็นตลาดหลักในการบริโภคที่เป็นเป้าหมายของเรา"นางสาววรัญรัชต์ กล่าว ส่วนมาตรการของบริษัทในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือการดูแลควบคุมให้บริษัทสามารถเดินเครื่องการผลิตได้ตามปกติไม่หยุดชะงัก พร้อมกับการห้ามพนักงานเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง และการดูแลเรื่องความปลอดภัยในโรงงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีจากพนักงาน และปัจจุบันก็ยังมีการดูแลอย่างเข้มงวดแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายแล้วก็ตาม