นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 จะเน้นไปที่แนวราบ 26 โครงการ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใน กทม.21 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7.97 พันล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 1.33 หมื่นล้านบาท พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดผ่านการเปิดแบรนด์ใหม่ คือ อภิทาวน์ ประเดิม 5 โครงการ มูลค่า 4.7 พันล้านบาทใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ระยอง อยุธยา ขอนแก่น และเชียงราย เริ่มทยอยตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม จะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากสภาพตลาดยังคงชะลอตัว แต่มองว่ายังมีลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเอง และกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวในทำเลศักยภาพและเป็นโครงการพร้อมอยู่ หลังจากที่เห็นยอดขายคอนโดมิเนียมของ บริษัท บางกอก ซิตี้สมาร์ท จำกัด (BC) ซึ่งเป็นตัวแทนขายในเครือของ AP ในช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่า 4.2 พันล้านบาท และทั้งปีมีโอกาสแตะ 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นการขายคอนโดมิเนียมในสต็อก 18 โครงการ มูลค่ารวม 2.1 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจทำยอดขายได้ตามเป้า 3.35 หมื่นล้านบาท หลังยอดขายครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 45% ของเป้า โดยถือว่าค่อนข้างดีแม้จะเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์แผนงานการขายและการทำการตลาด ส่งผลช่วยผลักดันยอดขายได้ในระดับที่ดีที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2.08 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากโครงการแนวราบเป็นหลักกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเปิดโครงการแนวราบใหม่ถึง 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.55 หมื่นล้านบาท ประกอบกับ การทำโปรโมชั่นเพื่อระบายสต็อกที่เน้นคอนโดนิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอน ทำให้มียอดขายคอนโดมิเนียมราว 2.2 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก แม้จะไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่
"ถึงแม้เราจะขยับแผนการเปิดตัวคอนโดใหม่ออกไป แต่ทีมงานทุกคนยังคงทำงานตามแผนเดิม เพื่อให้โครงการพร้อมเปิดตัวทันทีหากสถานการณ์ในไตรมาส 4 มีทิศทางที่ดีขึ้นหรือมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ สิ่งที่ AP ทำตอนนี้ก็เหมือนกับทุกๆคนที่ช่วยกันระบายสต็อกคอนโดมิเนียมให้ลดลง และพยายามไม่เพิ่มซัพพลายใหม่เข้ามา แม้ว่าเราจะทีที่ดินพัฒนาคอนโดมิเนียมในมืออยู่แล้ว แต่ก็ต้องรอดูจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสมก่อนต่ดสินใจเปิดคอนโดใหม่"นายวิทการ กล่าว
นายวิทการ กล่าวว่า ส่วนรายได้ในปี 63 ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 4.05 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการโอนในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น หลังจากเห็นสัญญาณยอดโอนในช่วงไตรมาส 2/63 ทำได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา เมื่อเทียบกับยอดโอนในไตรมาส 2/61 ที่เคยทำได้ราว 1 หมื่นล้านบาท และมากกว่ายอดโอนในไตรมาส 4/59 ที่เคยทำได้สูงสุด 1.15 หมื่นล้านบาท จากการโอนโครงการแนวราบเป็นปัจจัยหนุนหลัก
บริษัทมั่นใจแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัว เพราะยอดโอนจากไตรมาส 2/63 ถือว่าเติบโตก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/63 ที่มียอดโอน 6.82 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนคอนโดมิเนียมตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค.นี้ 2 โครงการใหม่ที่สร้างเสร็จ ได้แก่ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9.8 พันล้านบาท มียอดขาย 94% และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2.9 พันล้านบาท มียอดขาย 95% พร้อมกับมีการทยอยโอนต่อเนื่อง LIFE ONE วิทยุ และ LIFE ลาดพร้าว ที่โอนต่อเนื่องจากไตรมาส 2/63
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) 5.61 หมื่นล้านบาท จะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 2.88 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปจนถึงปี 63
อย่างไรก็ตาม จากความไม่แน่นอนและปัจจัยกดดันต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อภาระเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทเห็นถึงความสำคัญของการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องให้อยู่ไนระดับที่ดี ซึ่งบริษัทมีกระแสเงินสดรองรับการดำเนินธุรกิจที่สูงกว่า 3 พันล้านบาท และไม่เร่งลงทุนในการซื้อที่ดินเข้ามาเพิ่มขึ้นโดยได้ปรับลดงบซื้อที่ดินลงมาเหลือ 4 พันล้านบาท จากเดิมที่ 8 พันล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทใช้งบซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท