นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดทั้งในส่วนลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อรับรู้ถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แท้จริงของลูกค้าและสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยล่าสุดธนาคารพักชำระหนี้ให้กับลูกค้า กว่า 8,800 ราย ยอดสินเชื่อคงค้าง 200,000 ล้านบาท และให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับลูกค้า กว่า 6,300 ราย จำนวน 19,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารมาตรการช่วยเหลือทั้งในส่วนของธนาคารเองและมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ โดยได้กระจายความช่วยเหลือแก่ลูกค้าหลายกลุ่มในหลากหลายรูปแบบ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้เพื่อยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการซอฟท์โลนตามมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารออมสิน
สำหรับแนวโน้มในภาพรวม ลูกค้ากลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) จะมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มอื่นจากกระแสการตื่นตัวด้านสุขภาพ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เพื่อความสะอาดและป้องกันเชื้อโรค ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังการปรับช่องทางการจัดจำหน่ายในการจัดส่งอาหารให้ลูกค้า ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สายการบินและโรงแรม จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์และจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ซึ่งธนาคารจะติดตามและดูแลให้การสนับสนุนที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจได้จัดกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งธนาคารพร้อมให้สินเชื่อเพิ่มเติม 2.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยถึงปานกลาง โดยธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้ การลดภาระดอกเบี้ย และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ 3.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และการจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปและผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากไปได้
สำหรับกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นอกจากการให้ความช่วยเหลือลูกค้าแล้ว ธนาคารยังมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินแบบครบวงจรเพื่อช่วยในการบริหารสภาพคล่องและลดความเสี่ยงให้กับลูกค้า แม้ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ธนาคารมีเป้าหมายสนับสนุนลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและบริการ (Hospitality) รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
"กรุงศรีในฐานะหนึ่งในสถาบันทางการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจในวิถีชีวิตปกติรูปแบบใหม่ หรือ New Normal นอกจากนี้แม้ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจและธุรกิจยิ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าธุรกิจมีความต้องการ กรุงศรีเข้าใจความต้องการนี้ของลูกค้าธุรกิจเป็นอย่างดี และสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการ Krungsri Business Empowerment ซึ่งเป็นกิจกรรมให้ความรู้ และกิจกรรมเครือข่ายธุรกิจมาเป็นรูปแบบออนไลน์ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าร่วมได้จากทุกที่" นายพรสนอง กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารประสบความสำเร็จในการจัดซีรีส์สัมมนาออนไลน์แบบ Exclusive สำหรับลูกค้าธุรกิจทุกกลุ่มในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาและได้จัดกิจกรรม Krungsri Virtual Business Matching งานเจรจาจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ เพื่อเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและสนับสนุนให้มีการเติบโตของกลุ่มลูกค้าทั้งสองกลุ่ม ระหว่างวันที่ 8-22 กรกฎาคม รวมทั้งยังมีแผนที่จะจัดงาน Krungsri-MUFG Virtual Business Matching ในช่วงปลายปี 2563 เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้ลูกค้าธุรกิจของกรุงศรี ภายใต้พันธกิจเชื่อมโยงนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจญี่ปุ่นและอาเซียน และตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งของกรุงศรีและเครือข่ายระดับโลกของ MUFG อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีงานสัมมนาธุรกิจครั้งใหญ่แห่งปี Krungsri Business Forum 2020 - Business Under Uncertainties ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 เพื่อแบ่งปันแนวคิดและมุมมองในการทำธุรกิจภายใต้ความไม่แน่นอน