นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ให้น้ำหนักอิงทางบวก หลังจากเมื่อวันศุกร์ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดใกล้ระดับสูงสุดของวัน ซึ่งก็คงจะมาจากความคาดหวังเชิงบวกการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคลายความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่จ.ระยอง หลังจากที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ
อย่างไรก็ดีวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมที่น้อยลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนในช่วงทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งวันนี้ก็ให้ติดตามงบฯของ KBANK และ SCB หลังจากที่ TISCO งบฯออกมาต่ำกว่าคาด ส่วน KTC ออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาด ส่วนการชุมนุมทางการเมืองเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เลิกไปแล้ว ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ เพราะยังอยู่ในช่วงการใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ หลังจากที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร เพื่อช่วยเยียวยาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป และยังต้องรอดูสภาคองเกรสจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,365-1,370 ถัดไป 1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,671.95 จุด ลดลง 62.76 จุด (-0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,224.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด (+0.28%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,503.19 จุด เพิ่มขึ้น 29.36 จุด (+0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 29.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 69.57 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 11.02 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.63) 1,359.58 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด (+0.87%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,490.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.ค.63) ปิดที่ 40.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.) อยู่ที่ -0.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.78 อ่อนค่าสวนทางตลาดโลก หลังมีแรงซื้อดอลล์ต่อเนื่อง ตลาดจับตาสถานการณ์การเมืองในปท.
- "ชาญศิลป์" เร่งทำแผนฟื้นฟูเสนอศาล 17 ส.ค.นี้ เผยเตรียมปรับโครงสร้างหนี้ 3.5 แสนล้านบาท ปลด 2 ผู้บริหาร ระดับสูงเปิดทางลุยแผนฟื้นฟู วาง 4 กลยุทธ์ จัดโครงสร้างใหม่เขย่าเส้นทางบิน แยกหน่วยธุรกิจ ลดไซส์องค์กร เล็งสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ปลุกพลังพนักงานร่วมฟื้นการบินไทย พร้อมเดินหน้า เจรจาเจ้าหนี้ลีสซิ่ง-แบงก์-ผู้ค้าน้ำมัน มั่นใจเจ้าหนี้หนุนแผนฟื้นฟู เผยเจ้าหนี้ 9 รายทวงหนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท แห่ทวง ค่าเช่าเครื่องบิน "ซีไอเอ็มบี" ปฏิเสธขยายเวลา สินเชื่อแบงก์อิสลามทวงจ่ายคืนตั๋วสัญญาใช้เงิน ด้าน "คลัง" ทวงหนี้ซื้อแอร์บัส 2 ลำ
- ส.อ.ท. เกาะติดนายกฯ ตั้งทีมเศรษฐกิจใหม่ หลังสี่กุมารลาออก หวังให้ชัดเจนโดยเร็วเพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้สะดุด เผยไตรมาส 3-4 งานหิน เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าเพียบ กำลังซื้ออ่อนแรงหลังมาตรการดูแลเริ่มหมด ส่งออกดิ่ง ขณะที่กลุ่มพลังงานหมุนเวียนหวัง รมว.พลังงาน คนใหม่สานต่อโรงไฟฟ้าชุมชน
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เผยความคืบหน้าโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิตว่า เดิมโครงการดังกล่าวมีกำหนดที่จะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 64 แต่เนื่องจากผู้รับจ้างขอยื่นขยายสัญญาการก่อสร้างออกไปอีกเป็น 1,122 วัน ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงคมนาคมรอรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก่อน และจากการรายงานของกรมการขนส่งทางรางยืนยันว่า เมื่อพิจารณากรอบเวลาการขยายสัญญาแล้ว สามารถลดบางขั้นตอนได้ในสัปดาห์หน้าจะจัดประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาข้อสรุปต่อไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 36.25 บาท ทิศทางผลกำไรใน Q2/63 ยังโดดเด่นต่อเนื่องจาก ราคาหมู ไก่ ในประเทศยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหมูในเวียดนามยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง (8 หมื่น -1 แสนดองต่อกก.) นอกจากนี้ CPF ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนกากถั่วเหลืองที่ลดลงส่งผลให้มาร์จิ้นของบริษัทยิ่งเพิ่มขึ้น
- OSP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 46 บาท OSP สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 54% ใน Q1/63 เป็น 55% และ C-Vitt โตดี แต่ยังไม่พอผลักดันกำไร Q2/63 โดยคาดกำไรสุทธิ 769 ล้านบาท -17% Q-Q, +8% Y-Y ส่วนกำไร H2/63 จะโดดเด่นมากหลังรับรู้กำลังการผลิตส่วนขยายของ C-Vitt เต็มไตรมาส ภาษีสรรพสามิต Functional drink ลดลงเหลือ 3% จากเดิม 10% ตั้งแต่ 10 ก.ค. และโรงงานเครื่องดื่มที่เมียนมาเริ่มเดินเครื่องจักรปลาย ก.ค. นี้ คาดกำไรปีนี้ +21% ปีหน้า +13% P/E 31 เท่าปีนี้จะลดเหลือ 27.8 เท่าปีหน้า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 35 เท่า
- KTC (ไอร่า) แม้ผลประกอบการ Q2/63 จะออกมามีกำไรสุทธิที่ 1,149 ล้านบาท ลดลง 13.16% YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทั้งจากปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ลดลง รวมทั้งการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามมองราคาของ KTC ปรับตัวลงรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปก่อนบ้างแล้ว ในขณะที่คาดว่าแนวโน้มปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงตรึ่งปีหลัง หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ที่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกระตุ้นราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น