นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าและโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง รวม 4 โครงการให้แล้วเสร็จตามแผนในช่วงปี 63-65 แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่องานก่อสร้างให้ล่าช้าไปบ้าง แต่ล่าสุดหลายประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการให้กลับมาดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้บ้างแล้ว
ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และส่งผลกระทบมายังการขายไฟฟ้าของบริษัทบ้างแต่ก็เชื่อว่าเป็นผลกระทบเพียงเล็กน้อยและน่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นโครงการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว รวมถึงยังมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ค่อนข้างได้เปรียบหรือมีต้นทุนต่ำ ทำให้ได้สิทธิเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าก่อนเพราะมีต้นทุนดีกว่าคู่แข่ง
"งานก่อสร้างก็ถือว่าเราพยายามปรับแผนให้ COD ตามแผน ณ สถานการณ์ปัจจุบันยังปรับแผนให้ COD ตามแผนได้อยู่ งานผลิตไฟฟ้าในประเทศต่าง ๆ พบว่าสถานการณ์ภาพรวมแทบทุกประเทศมีความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าของเอ็กโกที่ดำเนินการส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีสัญญาระยะยาวอยู่แล้ว เรามีเรื่องต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ค่อนข้างได้เปรียบมีต้นทุนต่ำกว่า ได้สิทธิเดินเครื่องก่อนเพราะมีต้นทุนดีกว่าคู่แข่ง ภาพรวมแล้วผลกระทบการขายไฟก็มีผลกระทบเล็กน้อยและเป็นระยะสั้น"นายเทพรัตน์ กล่าวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563
ปัจจุบัน EGCO มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 โครงการ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้า 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง "กังดง" ขนาด 19.8 เมกะวัตต์ ในเกาหลีใต้ คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 4/63 ,โรงไฟฟ้าพลังน้ำ "น้ำเทิน 1" ใน สปป.ลาว คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 2/65 และโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล "หยุนหลิน" กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ (MW) ในไต้หวัน ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 25% แล้วเสร็จเมื่อเดือน เม.ย.63 มีกำหนด COD ระยะแรก 352 เมกะวัตต์ในไตรมาส 4/63
นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/64
นายเทพรัตน์ กล่าวว่า แผนงานในปีนี้ บริษัทมุ่งให้ความสำคัญด้านลูกค้า ,การเงิน ,การบริหารจัดการภายใน และกระบวนการเรียนรู้เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตลอดจนมุ่งเน้นกลยุทธ์การจัดหาแหล่งเงินที่ต่ำ การบริหารจัดการไฟฟ้าโครงการที่มีอยู่ให้ได้ตามระดับมาตรฐาน รวมถึงบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ รวมถึงการหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าประเภทฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนหาโอกาสลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วย
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการ ของ EGCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 อนุมัติการเพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัท เพื่อให้สามารถประกอบกิจการจัดตั้งและดำเนินกิจการนิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เมืองอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมอื่นใด ตลอดจนการให้บริการสาธารณูปโภคในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพและสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้พื้นที่ของโรงไฟฟ้าระยองที่หมดอายุแล้วมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยมีความตั้งใจพัฒนาเป็นสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน โดยธุรกิจที่ดำเนินการใน EEC เป็นธุรกิจใหม่รองรับนวัตกรรมใหม่ ๆ รองรับธุรกิจพลังงานในอนาคต โดยวางเป้าที่จะทำระบบไฟฟ้าที่เป็นอิสระ เปิดช่องให้บริษัทร่วมพัฒนากับกลุ่มอุตสาหกรรมในบริเวณดังกล่าว หรือร่วมให้คำแนะนำด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น ติดแผงโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าให้ใช้ในโรงงานอุสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะดำเนินการ โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทน เป็นต้น
อนึ่ง EGCO มีแผนที่จะดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยจะจัดตั้งในพื้นที่โรงไฟฟ้าระยองที่หมดอายุไปแล้ว โดยเบื้องต้นจะดำเนินการภายใต้ชื่อ "นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง"บนพื้นที่ 500 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมในลักษณะ Smart Industrial Estate รองรับการลงทุนในเขต EEC