นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มบริษัทได้ขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว จำนวน 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ในเมืองเชียงขวาง และเริ่มทยอยรับรู้รายได้มาตั้งเดือน ก.ย.62 ปัจจุบันโครงการดังกล่าวจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าลาว (EDL) โดยมีแผนจะเปลี่ยนผู้รับซื้อไฟฟ้าเป็นการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ภายในปี 65 ถือเป็นโครงการต้นแบบภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของ สปป.ลาว และเวียดนามในการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าเชื่อมระหว่างชายแดนของทั้งสองประเทศเพื่อขายไฟฟ้าในลักษณะ Cross Border PPA
โครงการดังกล่าวธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BCPG จำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ Nam San 3A (69 เมกะวัตต์) และโครงการ Nam San 3B (45 เมกะวัตต์) โดยมีธนาคารไอซีบีซี (ลาว) (ICBC (Lao)) เป็น Account Agent ใน สปป. ลาว
ในส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น EXIM Bank ให้การสนับสนุนเงินทุนระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี จำนวน 14,723 ล้านเยนสำหรับ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โคมากาเนะ (Komagane) ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) กำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์ และ โครงการ ยาบูกิ (Yabuki) ในจังหวัดฟูกูชิมะ (Fukushima) กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ EXIM Bank ได้ร่วมกับธนาคารซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) ให้การสนับสนุนเงินทุนระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี จำนวน 6,465 ล้านเยน แก่บริษัทฯ อีก 1 โครงการ คือ โครงการชิบะ (Chiba) ในจังหวัดชิบะ (Chiba) กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์
"EXIM BANK และ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) ได้ให้การสนับสนุนทางการเงิน จำนวน 6,465 ล้านเยน สำหรับก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการชิบะ 1 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่ EXIM Bank ให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งสิ้นจำนวน 21,188 ล้านเยนหรือประมาณ 6,356 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชิบะ1 ,โคมากาเนะ (Komagane) และ ยาบูกิ (Yabuki) ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 87 เมกะวัตต์"
ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 64-65 หลังจากนั้นบริษัทจะจัดให้มี Project Financing มาทดแทน โดยการคัดเลือกจากสถาบันการเงินในประเทศญี่ปุ่นที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการเงินในแระเทศญี่ปุ่นบางรายได้ยื่นข้อเสนอสำหรับทั้ง 3 โครงการมายังบริษัทฯ แล้ว
การสนับสนุนทางด้านการเงินของธนาคารดังกล่าวข้างต้น เป็นไปตามแผนการเงินของบริษัท ที่ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการลงทุนในโครงการอื่นๆ ตามแผนการลงทุนที่วางไว้ได้อย่างต่อเนื่อง