นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 2/2563 มีกำไรจากการดำเนินงาน เท่ากับ 20,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2563 โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้จากการดำเนินการอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น และจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 3,829 ล้านบาท ลดลง 40.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2563
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ธนาคารมีกำไรก่อนสำรองเท่ากับ 37,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดีและได้รับประโยชน์จากการลดเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นถึง 9.4% ช่วยลดผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 5 ครั้ง และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ NIM เท่ากับ 3.15% ลดลงจาก 3.54% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับรายได้อื่นยังคงขยายตัวดี รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลงถึง 13.2% โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับ40.72% ลดลงจาก 46.76% ในช่วงเดียวกันของปี 2562 หากไม่รวมรายการพิเศษสำรองด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายและรายได้ดอกเบี้ยรับจากการขายทอดตลาด ทรัพย์สินหลักประกันจำนอง Cost to Income ratio ในครึ่งแรกของปี 2563 เท่ากับ 43.11% เพิ่มขึ้นจาก41.77% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ธนาคารและบริษัทย่อยได้พิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ในการประมาณการถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรงและความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลต่อคุณภาพสินเชื่อ จึงได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 23,235 ล้านบาท ซึ่งรวมการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตเต็มจำนวนสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่งในธุรกิจสาธารณูปโภคและบริการที่เกี่ยวกับการขนส่งและได้ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโรงสีข้าว ขณะที่ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 12,891 ล้านบาท ธนาคารมี Coverage Ratio เท่ากับ 126.5% และ NPLs Ratio-Gross เท่ากับ 4.35% เทียบกับ 4.33% ณ 31 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกในส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 10,296 ล้านบาท ลดลง 33.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ณ 30 มิถุนายน 2563 ธนาคารมียอดสินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 2,151,757 ล้านบาท โดยธนาคารยังคงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 14.86% และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง (งบการเงินเฉพาะ) ที่ 18.72% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย