นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ทาลิส เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากสภาพคล่องในระบบการเงินที่มีอยู่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นต่อเนื่อง ด้วยความคาดหวังว่าเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 แล้ว
โดยในครึ่งปีหลังนี้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศน่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่าหุ้นที่ยังต้องพึ่งพิงปัจจัยต่างประเทศ เช่น ภาคการท่องเที่ยวที่จะกลับมาน่าสนใจลงทุนเมื่อมีการค้นพบวัคซีนแล้ว ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Big Cap เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว กลุ่ม ICT มีแนวโน้มที่ผลประกอบการจะเติบโตได้ไม่ดีเท่าหุ้นในกลุ่ม Mid Small Cap ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของสังคมหลังการระบาดของโควิด-19 การได้ Market Share เพิ่มขึ้นหรือเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการปรับตัวได้ดีและสามารถกลับมาเติบโตได้เร็ว
บริษัทจึงแนะนำกองทุนเปิดทาลิส Mid-Small Cap หุ้นทุน (TLMSEQ) ซึ่งเน้นการลงทุนด้วยวิธี Stock Selection โดยเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (หุ้นนอก SET50) ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยกองทุนลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมลูค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ในขณะเดียวกันกลุ่มประเทศโลกที่สามที่ค่อนข้างมีจำนวนประชากรหนาแน่น ก็มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้เอง ยังคงเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้
ในแง่ผลกระทบสำหรับเศรษฐกิจไทย ขณะนี้ภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการทยอยให้ความช่วยเหลือด้านมาตรการทางการเงินในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการดูแลภาค SME หรือภาคเศรษฐกิจโดยทั่วไปให้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น เพื่อเป็นตัวเร่งและช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศให้กลับมาได้เร็วที่สุด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ มองว่าล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นในระยะต่อไปได้เป็นอย่างดี
"อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตามองในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ก็คือผลการคิดค้นวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ขณะนี้ กำลังอยู่ในช่วงของการคิดค้นและทดลอง ซึ่งถ้าหากผลสำเร็จออกมาในเร็ววัน ก็จะถือเป็นข่าวดีที่จะส่งผลบวกต่อภาคประชาชน เศรษฐกิจและการลงทุนในระยะต่อไป"นายประภาส กล่าว