บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน (LALI077A, LALI078A) ของ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้(LALIN) ที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ"
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงชื่อเสียงและประสบการณ์ของบริษัทในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาปานกลาง ตลอดจนความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน และสถานะทางการเงินที่ดีของบริษัท อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนตัวลง อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวเนื่องจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนตัวลงเนื่องจากการชะลอตัวในตลาดบ้านเดี่ยว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนเป็น “Stable" หรือ “คงที่" หากบริษัทมีผลการดำเนินงานดีขึ้น แต่หากผลการดำเนินงานของบริษัทถดถอยลงอีก บริษัทก็อาจถูกปรับลดอันดับเครดิตในอนาคต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า LALIN เป็นผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดกลางที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 โดยนายทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์ และนายไชยยันต์ ชาครกุล ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลัก โดยถือหุ้น 2 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท บริษัทดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเน้นการพัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ในราคาเฉลี่ยประมาณหลังละ 3 ล้านบาท ความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างและต้นทุนค่าบริหารจัดการทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการเสนอขายบ้านในราคาที่ไม่แพงแต่ยังคงมีอัตรากำไรที่ดี
ผลการดำเนินงานของ LALIN ในปี 2550 ถดถอยลงเนื่องจากการชะลอตัวของตลาดบ้านเดี่ยว ทำให้ยอดขายของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 729 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 เป็น 212 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 ในขณะที่กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกของปี 2550 ลดลงค่อนข้างมากเหลือเพียง 28 ล้านบาทจาก 80 ล้านบาทในไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกแม้ว่าจะลดลง นอกจากนี้ การมีสต๊อคบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่จำนวนมากและนโยบายชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ทำให้ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ
บริษัทยังคงมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 20.7% และมีเงินกู้รวมเพียง 78 ล้านบาทหากไม่รวมหุ้นกู้มูลค่ารวม 800 ล้านบาท (LALI077A, LALI078A) ที่จะครบไถ่ถอนในปี 2550 นี้ ทั้งนี้ การมีเงินสดในมือจำนวน 370 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 600 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 และสถานะทางการเงินที่ดีน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถจัดหาแหล่งเงินสำหรับจ่ายคืนหุ้นกู้ได้ตามแผน
ส่วนความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ บรรเทาลง แต่ก็คาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--