นายพร้อมวุฒิ อัศวโสภณกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงไตรมาส 2/64 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในช่วงปลายปี 64 หรืออย่างข้าต้นปี 65
วัตถุประสงค์ของการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทจะนำเงินไปขยายธุรกิจ เช่น สร้างโรงงานผลิตสินค้าหลักของบริษัท และลงทุนด้านโลจิสติกส์กระจายสินค้าไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้ลดลงเหลือ 3% จากเดิมที่อยู่ที่ 5% ของยอดขายรวม รวมถึงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และรองรับการเติบโตในอนาคต ขณะเดียวกันก็จะนำบางส่วนไปใช้คืนหนี้สถาบันทางการเงิน โดยตั้งเป้าลดหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงให้ต่ำกว่า 2 เท่า จากเดิมที่อยู่ 2-3 เท่า
บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายอาหารเสริมและวิตามินภายใต้แบรนด์ Amado มีทุนจดทะเบียน 43 ล้านบาท มีรายได้ในปี 62 อยู่ที่ 694 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทแล้ว โดยตั้งเป้ามีกำไรสุทธิปี 63 เติบโตแตะ 150-160 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิ 10% และอัตรากำไรขั้นต้น 50%
ด้านนายธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายยอดขายรวมของปี 63 เพิ่มเป็น 1,800 บาท หรือเติบโต 160% จากเป้าหมายเดิมที่ 1,200 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากยอดขายในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.63) หรือตั้งแต่น้นปีจนถึงวันที่ 22 ก.ค.63 ทะลุ 1,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายถึง 50%
ยอดขายของบริษัทมาจากช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ ยอดขายผ่านดีลเลอร์บิ้วตี้ทั่วประเทศ 600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ 160 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% ยอดขายผ่านเทเลเซลล์ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ยอดขายผ่านคีออส 40 สาขาทั่วประเทศ 30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3% และยอดขายจากต่างประเทศ 10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1%
ทั้งนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในตลาดอาหารเสริม และวิตามินเพิ่มขึ้นเป็น 7% จากปี 62 ที่ 2% สอดคล้องกับธุรกิจสุขภาพที่เติบโตกว่า 15% ด้วยมูลค่าการตลาดรวมที่สูงถึง 280,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจอาหารเสริม 8-10% หรือราว 24,000 ล้านบาท และตลาดสุขภาพยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีก 10-15%
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องด้วยมองว่าการเติบโตของธุรกิจอาหารเสริมและวิตามินจะยังเติบโตทั้งในกลุ่มเพื่อสุขภาพและกลุ่มเพื่อความงาม ซึ่งในกลุ่มนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นอยู่เสมอตั้งแต่อยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยคนทำงาน กลุ่มวัยกลางคนและกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้น บริษัทจะมีการเปิดตัวสินค้าอย่างต่อเนื่อง
บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม (บิวตี้) เฮช-คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (H-Collagen Tripeptide) ซึ่งได้รับการรับรองด้าน Product Laoility จากซัมซุงมารีนแอนด์อินชัวรัน ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออุตสาหกรรมที่โดดเด่นของซัมซุง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ด้านมาตรฐานการผลิตและรับประกันความปลอดภัย จึงสามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคอายุตั้งแต่ 23-32 ปีที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ หลังจากเปิดให้จองสินค้าก็ได้รับผลตอบรับดีเกินคาดด้วยยอดจอง 100,000 กระป๋องมูลค่า 50,000,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 1 เดือน
พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้าใหม่ฮยอนบิน (Hyun Bin) เมกะสตาร์ระดับเอเชียมีผลงานโด่งดังล่าสุดปักหมุดรักฉุกเฉิน (Crash Landing on You) ซีรีย์เกาหลีทาง Netflix เพื่อสื่อถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางสุขภาพผิวของสินค้าและตอกย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์และผลิตภัณฑ์อมาโด้ โดยตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ 300 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และยังมีแผนวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รายการ ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพไปพร้อมกับการผสานช่องทางการขายในรูปแบบ Omni Channel เพื่อเข้าถึงและตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด