นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันเกือบทุกตลาด เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมากว่า 300 จุด จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมากถึงกว่า 7 หมื่นคนรายต่อวัน
นอกจากนี้ ยังผิดหวังตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯที่ออกมาสูงกว่าตลาดคาดไว้ และยังกังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ด้วย รวมถึงต่างก็ยังรอดูว่าสหรัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาหรือไม่ อีกทั้งตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ก็ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง
ด้านราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงด้วย จากความกังวลความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงอีกหลังจากวิตกการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และสต็อกน้ำมันในสหรัฐฯก็ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้ตลาดฯน่าจะมีการปรับฐาน รวมถึงตลาดบ้านเราก็หยุดทำการติดต่อกันหลายวันด้วย อย่างไรก็ดีให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป โดยวันนี้จะมี DELTA ประกาศงบการเงินไตรมาส 2/63 และสัปดาห์หน้าก็จะมี SCC, PTTEP ที่จะประกาศงบฯ รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,340-1,347 จุด ส่วนแนวต้าน 1,363-1,370 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ก.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,652.33 จุด ลดลง 353.51 จุด (-1.31%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,235.66 จุด ลดลง 40.36 จุด (-1.23%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,461.42 จุด ลดลง 244.71 จุด (-2.29%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.46 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 222.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 54.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 19.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.12 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันกีฬา
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.ค.63) 1,359.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.61 จุด (+0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,045.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ก.ค.63) ปิดที่ 41.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 83 เซนต์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ก.ค.) อยู่ที่ -0.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.70 แข็งค่าจากวานนี้ ติดตามตัวเลขส่งออกไทยวันนี้-ความชัดเจนปรับครม.
- "ออมสิน" ประกาศรุกตลาด "นอนแบงก์" หั่นดอกเบี้ยต่ำลง 8-10% หวังช่วยลดภาระประชาชน พร้อมเปิดทางให้มารีไฟแนนซ์ได้ มั่นใจช่วยกดดอกเบี้ยในตลาดต่ำลง พร้อมประกาศยืดพักชำระหนี้ ยาวถึงสิ้นปี ด้าน "นอนแบงก์" มั่นใจไร้ผลกระทบ ชี้ถือเป็นทางเลือกให้คนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ด้าน "แบงก์ชาติ" เล็งเจียดซอฟท์โลน 1 แสนล้าน ยืมโมเดลกสิกร ปล่อยกู้อุ้มเอสเอ็มอี พยุงจ้างงาน ดึง บสย. ช่วยค้ำประกัน
- สมาคมค้าทองคำ เผยบรรยากาศซื้อขายทองคำยังคึกคัก โดยมีคนนำมาขายอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มากเท่าเดือนเม.ย. ย้ำขายปุ๊บรับเงินสดปั๊บไม่ต้องรอเหมือนช่วงก่อนหน้า ยอมรับมีบางส่วนเข้ามาซื้อเก็งกำไร หวังราคาวิ่งแตะ 3 หมื่นบาท เตือนความเป็นไปได้ในปีนี้มีน้อย เหตุราคาพุ่งมาแล้ว 20%
- นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย หรือ THAI เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 บริษัท การบินไทยฯ ได้จัดให้มีการประชุมกับตัวแทนสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้ง 87 แห่ง ที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ของการบินไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลสิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และแนวทางการดำเนินธุรกิจของการบินไทยในการสร้างรายได้และชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในอนาคต
- โควิดยังไม่คลาย ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์เดือน มิ.ย. ลดลงกว่า 58.52% ยอดขายหด ส่งออกหายกว่า 48.71% คาดทั้งปีผลิตรถเพียง 1.4 ล้านคัน พร้อมกระทบลูกจ้างในระบบกว่า 3.3 ล้านคน เอกชนวอนรัฐลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 1% ถึงสิ้นปี 63 ด้านดัชนีความเชื่อมั่นรับอานิสงส์ปลดล็อกเฟส 4 ขยับขึ้น
- นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยกรณีที่มีข่าวว่า ไทยและไต้หวัน อาจถูกกระทรวงการคลังสหรัฐ จับตาว่าเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐ ธปท.ชี้แจง ว่า ไม่ได้แทรกแซงค่าเงินเพื่อความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐ เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมีทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า และได้หารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายตลาดการเงินโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- TASCO (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า สูงสุด IAA Consensus 32 บาท เก็งกำไรงบ Q2/63 พลิกมีกำไร 1,400-1,500 ล้านบาทเทียบกับขาดทุนสุทธิ 784 ล้านบาทใน Q1/63 โดยมีแรงหนุนจากการบันทึกกลับ NRV ทั้งหมดหลังจากราคายางมะตอยกลับมาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก Q1/63 และ Q3/63 ยังมี Sentiment บวกจากดีมานด์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากจีนหลังจากปีนี้จีนเกิดน้ำท่วมหนักส่งผลให้รัฐจำเป็นต้องเร่งซ่อมแซมถนนหนทาง (TASCO ส่งออกยางมะตอยไปจีนคิดเป็น 40%)
- GULF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 47 บาท มองบวกกับการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) สัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 30 บาท แม้จะเกิด Dilution 10% แต่สามารถชดเชยได้จากกำไรสุทธิปี 2561 ที่จะสูงขึ้น 20% จากการลงทุนถือหุ้น 50% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนี 450MW และโครงการนำเข้า LNG ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนราว 3.2 หมื่นล้านบาท จะถูกใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ๆทั้งโรงไฟฟ้าลมในเยอรมนี เวียดนาม รวมถึงธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆทั้งมอเตอร์เวย์ ท่าเรือมาบตาพุดและแหลมฉบังเฟส 3 ซึ่งคาดว่าใช้เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท โดยเงินส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้ในอัตรา D/E ที่ 3:1
- SYNEX (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.20 บาท ก่อนหน้านี้หุ้น COM7 ราคาขึ้นมามาก เพราะขายสินค้าด้านไอที ที่กำลังเป็นที่ต้องการหลังเกิดโควิด-19 โดย SYNEX เป็นตัวแทนขาย accessories ของคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอื่นๆ อีกมากมาย เช่นกัน จึงได้ประโยชน์ไม่แพ้ COM7 โดยความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการทำ work from home และสินค้าของ Apple ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน Q2/63 จะโตต่อ ที่ 137 ล้านบาท (+15% YoY, +4% QoQ) ไม่ใช่ลดลงจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมคาดว่ากำไรปี 2563-2565 จะขยายตัว +12% CAGR จากแนวโน้มความต้องการอุปกรณ์รองรับ 5G ที่เพิ่มขึ้นสูง และปรับ GPM สูงขึ้น