นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) มั่นใจว่า รายได้ปี 63 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 50% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,349 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้กำลังการผลิตที่มีการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 158.94 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มที่ทั้งปี จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่มีอยู่ในมือทั้งหมด 292 เมกะวัตต์
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าที่มีในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางเข้าตรวจสอบโครงการในต่างประเทศไม่สามารถทำได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้ตรวจสอบด้านเอกสารของโครงการต่างๆ ไว้อย่างละเอียดแล้ว ทั้งในเวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา เป็นต้น หากปัญหาไวรัสโควิด-19 คลี่คลายจนปลอดภัยมากขึ้นแล้วและสามารถเดินทางไปตรวจสอบโครงการได้ ก็เชื่อว่าจะเห็นการเพิ่มของกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเข้ามาอีก
"เราโชคดีที่อยู่ในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ชัดเจนแน่นอน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระทบกับธุรกิจอื่นๆ ก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามก็มีผลกระทบในส่วนของการขยายกิจการในต่างประเทศที่มีความล่าช้าไปกว่าแผนเพราะไม่สามารถเดินทางไปดูโครงการได้ แต่เราก็ได้ตรวจสอบเอกสารไว้แล้วหากพร้อมแล้วเดินทางตรวจสอบโครงการแล้วดีเราก็จะสามารถเข้าซื้อได้เลย"นางสาวแคทลีน กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมทีมงานเพื่อเข้าเสนอโครงการในรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาคเอกชน (Private PPA) ทั้งโซลาร์รูฟท็อปของโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโครงการโซลาร์ลอยน้ำ โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 30-40 เมกะวัตต์ในปี 64 จากล่าสุดบริษัทได้รับงานพัฒนาโซลาร์ลอยน้ำให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.64
นางสาวแคทลีน กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าบริษัทยังมีความสามารถที่จะลงทุนได้อย่างน้อยอีก 50 เมกะวัตต์ โดยไม่ต้องเพิ่มทุน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.7-1.8 เท่า ยังมีความสามารถที่จะกู้เงินจากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติม และบริษัทจะรักษาให้ D/E ไม่เกิน 3 เท่า
ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐบาล โดยเบื้องต้นบริษัทได้เตรียมพื้นที่สำหรับพัฒนาโครงการไว้ทั้งหมด 9-11 โครงการ กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ โดยบริษัทคาดหวังจะได้ PPA ไม่ต่ำกว่า 25 เมกะวัตต์